มิวเซียมสยาม แหล่งเรียนรู้ที่ต้องตามไปดู

โดย...แมงโก้หวาน

ถ้าพูดถึงแหล่งเรียนรู้ในย่านท่าเตียนที่คนชอบไปเที่ยวและหาความรู้เชิงประวัติศาสตร์ นอกจากวัดพระเชตุพนฯ หรือวัดโพธิ์ แหล่งรวมนานาศิลปะและวิทยาแล้ว ก็มี “มิวเซียมสยาม” นี่แหละ ที่ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย จัดเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ดูตื่นตาตื่นใจมาก เพราะมีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้อย่างลงตัว ดูแล้วเพลินตาเพลินใจ ได้ทั้งความรู้และความรู้สึกที่อาจจะไม่เคยได้สัมผัสที่ไหนมาก่อน แมงโก้หวานเคยไปมาแล้วกับเด็กๆ ทุกคนชอบและมีความสุข เลยต้องจัดเป็นหนึ่งในที่ชอบๆ ที่อยากแนะนำให้ไปชม ถึงจะเสียค่าเข้าชมก็ต้องบอกว่าคุ้ม!!

ความโดดเด่นของมิวเซียมสยามที่ถือเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คือเน้นการจัดนิทรรศการที่กระตุกต่อมความคิดและจุดประกายความอยากรู้ การเกิดการตั้งคำถามของคนดูจากสิ่งที่เห็นแล้วเกิดการสืบค้นหาความรู้ด้วยตนเองต่อไป และเน้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างนิทรรศการกับคนดูเพื่อให้เกิดการสื่อสารความรู้และการสร้างทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง คือสามารถจับได้ เล่นได้ ด้วยประสาทสัมผัสทั้งหก

 

ในการเข้าชมนิทรรศการในมิวเซียมสยามจะแบ่งเป็นห้องทั้งหมด 17 ห้อง เรียกว่าห้องนิทรรศการถาวร “เรียงความประเทศไทย” ใช้วิธีการเดินเข้าชมทีละห้อง ในแต่ละห้องจะมีหัวข้อแตกต่างกันออกไป เริ่มจากห้องแรก “เบิกโรง” อยู่ที่ชั้น 1 เป็นการเบิกตัวละครทั้งเจ็ดที่จะพาผู้ชมย้อนกลับไปสู่เรื่องราวอันเป็นต้นกำเนิดจากสุวรรณภูมิสู่สยามประเทศถึงประเทศไทย เพื่อค้นหาคำตอบว่าเราคือใคร และอะไรคือไทย

ถัดมาห้องที่ 2 “ไทยแท้” อยู่ชั้นเดียวกัน เป็นห้องที่ทำให้เกิดความอยากรู้ว่าไทยแท้คืออะไร และเป็นอย่างไรจึงเรียกว่าไทยแท้ จากนั้นขึ้นไปชั้นที่ 3 เพื่อเข้าชมห้องที่ 3 “เปิดตำนานสุวรรณภูมิ” คือห้องที่แสดงถึงวิวัฒนาการของสังคมก่อนจะมาเป็นบรรพบุรุษชาวสุวรรณภูมิ

 

จากนั้นไปห้องที่ 4 “สุวรรณภูมิ” คือห้องที่ทำให้รู้จัก “สุวรรณภูมิ” ดินแดนแห่งความมั่งคั่งผ่านผู้คน การเกษตร การค้า การสร้างเมือง เทคโนโลยีแห่งโลหะ และความเชื่อซึ่งจะทำให้รู้ว่าสุวรรณภูมิคือรากเหง้าของประเทศไทย โดยในชั้นที่ 3 ยังมีห้องที่ 5 พุทธิปัญญา ห้องที่ 6 กำเนิดสยามประเทศ ห้องที่ 7 สยามประเทศ และห้องที่ 8 สยามยุทธ์ เหตุแห่งสงครามในสมัยกรุงศรีอยุธยา รวมในชั้นที่ 3 มี 6 ห้อง

หลังจากดูห้องที่ 8 แล้วลงไปชั้นที่ 2 เข้าห้องที่ 9 แผนที่ความยอกย้อนบนแผ่นกระดาษ ตามด้วยห้องที่ 10 กรุงเทพฯ ภายใต้ฉากอยุธยา บรรยายถึงเรื่องราวเมื่อครั้งสิ้นกรุงศรีอยุธยา ชาวกรุงศรีก็สร้างเมืองขึ้นมาใหม่บนผืนดินบางกอก เมื่อสร้างเสร็จจึงลงหลักปักฐานกลายเป็นชาวกรุงเทพฯ 11.ชีวิตนอกกรุงเทพฯ 12.แปลงโฉมสยามประเทศ 13.กำเนิดประเทศไทย 14.สีสันตะวันตก 15.เมืองไทยวันนี้ 16.มองไปข้างหน้า เป็นห้องที่ตอกย้ำว่าวันพรุ่งนี้ของประเทศไทยจะเป็นเช่นไร คนรุ่นปัจจุบันเท่านั้นที่จะให้คำตอบได้ ปิดท้ายด้วยห้องที่ 17 ตึกเก่าเล่าเรื่องที่มาของมิวเซียมสยาม อยู่ที่ชั้น 1

 

ล่าสุดในโอกาสที่สมาชิกทั้ง 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน มิวเซียมสยามจึงจัดนิทรรศการประสานอาเซียน “ห ลงรัก” ซึ่งเป็นเรื่องราวของวัฒนธรรมรักที่ได้จาก “ต้นรัก” เพื่อค้นหาคำตอบว่าทำไมชาวเอเชียถึงหลงรักกัน โดยการนำเสนอเรื่องราวของเครื่องมือเครื่องใช้ งานหัตถศิลป์ และโบราณวัตถุอันล้ำค่าที่ล้วนแต่เคลือบด้วยยางไม้หายากอย่าง “ยางรัก” ทั้งสิ้น เครื่องรักต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นวัตถุทางวัฒนธรรมที่มีปรากฏอยู่ในแต่ละประเทศของภาคพื้นอาเซียน

ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ทุกอย่างเมื่อเข้ามาในมิวเซียมสยาม แม้กระทั่งตัวอาคารนิทรรศการ เนื่องจากตอนบูรณะอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์เก่า (เดิม) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ในรัชกาลที่ 6 นอกจากนี้ยังจัดให้มีการขุดค้นทางโบราณคดีในพื้นที่ ซึ่งนำไปสู่การค้นพบรากฐานของวังในสมัยรัชกาลที่ 3 และ 5 ทางมิวเซียมสยามจึงขอชวนให้ผู้ชมมาสวมวิญญาณ “นักโบราณคดีสมัครเล่น” ค้นหาอดีตของพื้นที่แห่งนี้

ไปเปิดหูเปิดตาดูครับ อ้อ...อย่าลืมชวนลูกชวนหลานไปด้วย รับรองว่าเด็กๆ ต้องชอบแน่นอน