posttoday

ศิลปะ อาหาร และโรงละคร

11 กันยายน 2560

“อาหาร คือ ศิลปะ ซึ่งทำให้เราอิ่มตาอิ่มใจ และอิ่มท้อง” ได้อย่างชัดเจน

ด้วยอาหารมื้อนั้นทำให้เราเข้าใจคำพูดที่ว่า “อาหาร คือ ศิลปะ ซึ่งทำให้เราอิ่มตาอิ่มใจ และอิ่มท้อง” ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นการได้กินดื่มในบรรยากาศที่แวดล้อมด้วยศิลปะที่งดงาม ณ “ดุ๊ก คอนเทมโพรารี อาร์ต สเปซ” ก็ช่วยเปิดประสบการณ์และสร้างความประทับใจอย่างมาก

ดุ๊ก คอนเทมโพรารี อาร์ต สเปซ เป็นส่วนหนึ่งของ เกษร ฟู้ด วิลเลจ ตามความตั้งใจที่จะเติมเต็มการใช้ชีวิตแบบเออร์บันที่เปี่ยมด้วยแพชชั่น เพื่อมอบประสบการณ์กินดื่มที่มีสีสัน สำหรับ ดุ๊ก คอนเทมโพรารี อาร์ต สเปซ เป็นวิสกี้บาร์ที่ให้กรุ่นกลิ่นอายศิลปะ ด้วยมีงานศิลป์ตกแต่งพื้นที่ ทั้งยังมีส่วนที่ทำเป็นแกลเลอรี่สำหรับแสดงนิทรรศการศิลปะหมุนเวียน ทุกๆ 1 เดือนจะมีงานศิลปะชุดใหม่ๆ มาให้ได้ชม ที่นี่เป็นพื้นที่นัดพบสังสรรค์ กินดื่ม รายล้อมด้วยศิลปะ เป็นร้านของกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ หนึ่งในนั้นคือผู้ดูแลกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในเครือวอเทอร์ไลบรารี ในส่วนของงานศิลป์ก็ได้บรรณาธิการของนิตยสารศิลปะมาช่วยคัดสรรผลงานศิลปะรูปแบบต่างๆ จัดแสดงภายในพื้นที่ด้วยตนเอง

 

ศิลปะ อาหาร และโรงละคร

 

 

ระหว่างนี้มีนิทรรศการ “ครู” โดย ยุทธนา พงศ์ผาสุก และนภัทร นานาชิน จัดแสดงไปจนถึงวันที่ 28 ก.ย. ขณะที่ภายในบริเวณร้านยังติดตั้งผลงานศิลปะอีกหลากหลายชิ้น เช่น ประติมากรรมไฟเบอร์กลาสสูงกว่า 300 ซม. ของ สุธี คุณาวิชยานนท์ ในชื่อว่า “ทหาร (เอกราช)” เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตย ในยุคที่ทหารเริ่มเข้ามามีบทบาททางการเมือง โดยนำคำทั้งหมด 6 คำจากหลัก 6 ประการโดยคณะราษฎรมาใช้เป็นแนวความคิดหลักในการสร้างผลงาน ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 6 ตัวด้วยกัน นอกจากนี้ภายในยังตกแต่งด้วยงานศิลปะหลากหลายรูปแบบกระจายตัวกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ ในห้องซิการ์เลานจ์มีภาพวาดของ อลงกรณ์ หล่อวัฒนา รวมทั้งงานชื่อ Light Art โดย กฤช งามสม งานวิดีโออาร์ตของสาครินทร์ เครืออ่อน ฯลฯ ให้ได้ดื่มด่ำ

พื้นที่ของร้านสามารถจัดกิจกรรม ประชุม งานเลี้ยงส่วนตัว ฯลฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางดุ๊ก คอนเทมโพรารี อาร์ต สเปซ ก็จัดให้มีงานเชฟส์เทเบิ้ล ซึ่งนับเป็นงานแรกของทางเกษร วิลเลจ โดยธีมของการจัดงานนั้นก็เข้ากับคอนเซ็ปต์ของพื้นที่อย่างยิ่ง ใช้ชื่องานว่า “Gaysorn Village Chef’s Table X Pinto New York” ซึ่งลูกค้าผู้ชื่นชอบรับประทานอาหารอร่อยก็จองที่นั่งมาจนเต็มทั้ง 3 รอบ

 

ศิลปะ อาหาร และโรงละคร

 

 

“ร้านอาหารเปรียบเสมือนโรงละครเล็กๆ ที่ผมจะใช้สร้างสรรค์โชว์...” เชฟโย-ธีรวงค์ นันทวัฒน์ศิริ เจ้าของร้าน ปิ่นโต จากนิวยอร์ก ผู้มาเปิดประสบการณ์การดื่มกินครั้งนี้กล่าว สำหรับเชฟโยเขาเป็นผู้ที่สนใจและหลงใหลในศิลปะละครเวทีก่อนจะกลายเป็นเชฟ และในค่ำคืนนั้นเขาก็ได้นำสองสิ่งคือ ละครเวทีและอาหารมาผสมผสานกัน เชฟหนุ่มยังบอกอีกว่า สูตรอาหารนั้นก็เหมือนกับบทละคร ส่วนการคัดเลือกนักแสดงก็เปรียบเหมือนกับการสรรหาวัตถุดิบส่วนผสมมาปรุงแต่ละเมนูนั่นเอง

อาหารทั้ง 8 คอร์สที่เชฟโยสร้างสรรค์โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก 8 ย่านในมหานครนิวยอร์ก เริ่มต้นที่เขต โคลัมบัส เซอร์เคิล ซึ่งเป็นย่านที่ร้านปิ่นโตตั้งอยู่กับ Salmon Cornet มูสแซลมอนรมควันผสมผสานกับสมุนไพรไทย เสิร์ฟในโคนทำมือ เป็นอาหารที่เชฟโยพัฒนามาจากอาหารของเพอเซในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นร้านของอาจารย์ของเขา จานนี้เสิร์ฟกับค็อกเทลชื่อไทยสบาย

ศิลปะ อาหาร และโรงละคร

 

 

 

แล้วไปต่อกันที่ อัปเปอร์ อีสต์ ไซด์-Caviar Coconut Sabayon อาหารสำหรับย่านไฮโซอย่างนี้ก็ต้องมีคาเวียร์ ซึ่งไปกันได้ดีกับความกลมกล่อมนวลเนียนนุ่มของมะพร้าวและกะทิ มาถึงย่านการเงินอย่างวอลสตรีท เชฟโยนำเสนอรสชาติเข้มข้นของ Tartar ซึ่งปรุงจากเนื้อแดงของทูน่า คลุกเคล้าสมุนไพรไทย พร้อมด้วยเดรสซิ่งที่มีน้ำมะนาวเป็นส่วนผสม ทั้งยังมีข้าวคั่วและไข่นกกระทาดิบ ชิมแล้วทุกคนก็เงยหน้ามองกันแล้วบอก “ลาบ... นี่นา”

เข้าสู่เขตบรูกลินก็มี Lobster Roll ขนมปังบริยอชมีไส้เป็นล็อบสเตอร์ต้มน้ำและข้าวโพดปิ้ง ล็อบสเตอร์โรลเป็นคอมฟอร์ตฟู้ดของนิวยอร์ก ซึ่งเชฟโยอยากนำมาเสิร์ฟในกรุงเทพฯ ขณะที่อีสต์ วิลเลจ มากับ Uni and Truffle เป็นข้าวริซอตโตเสิร์ฟกับอุนิ หรือไข่หอยเม่นสดและทรัฟเฟิล จานนี้มีกลิ่นอายญี่ปุ่น เพราะอีสต์ วิลเลจ นี้เป็นย่านของคนหนุ่มสาวหลากหลายเชื้อชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น

จากนั้นจึงเข้าสู่โซโห ย่านศิลปินที่อยู่ติดกับไชน่าทาวน์ เชฟจึงผสมผสาน 2 วัฒนธรรมก่อนนำเสิร์ฟ Smoked Thai Tea Duck Breast ซึ่งก็คืออกเป็ดรมควันชาไทยราดซอสสไปซี่โทเมโทและผักสด ซึ่งเชฟหิ้วมาเองจากนิวยอร์ก ส่วนแฟลตไอออน หรือ โลเวอร์ อีสต์ ไซด์ เป็นชีสแบบแฮนด์เมดจากร้านดังในแฟลตไอออน แมนฮัตตัน เสิร์ฟคู่กับผลไม้ไทย ปิดท้ายที่ย่านฮิปสำหรับการปาร์ตี้และเฉลิมฉลอง คือ มีตแพ็กกิ้ง ดิสทริค มากับของหวาน Sala Gin Tonic Tart ทาร์ตผลไม้ไทยและยิน

 

ศิลปะ อาหาร และโรงละคร

 

 

อาหารทั้ง 8 จานแพร์ริ่งกับไวน์และค็อกเทล ระหว่างรับประทานก็มีแสง สี เสียง และการแสดงจากแดนเซอร์มืออาชีพ โดย ครูอู๋-เปรมจิตต์ อำนรรฆมณี นับเป็นมื้ออาหารที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะ ทำให้เราอิ่มตา อิ่มใจ และอิ่มท้องได้จริงๆ

ใครติดใจอาหารของเชฟโยก็สามารถตามไปชิมได้ที่นิวยอร์ก ปิ่นโตเป็นร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่เชฟโยเน้นในเรื่องการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อปรุงอาหารตามสูตรดั้งเดิม เพิ่มเติมคือ “Twist” หรือ “บิด” บางอย่าง บางจานนั้นมองดูอาจจะไม่เห็นว่าเป็นอาหารไทยตรงไหน แต่พอได้ชิมแล้วก็พบว่านี่ไงไทยจริงๆ ปิ่นโตมี 2 สาขาที่นิวยอร์ก ใครอยากลองไปชิมที่ร้านก็หาข้อมูลได้ ที่ pintonyc.com หรือจะจองโต๊ะผ่านทางเกษร วิลเลจ โทร. 02-656-1149 ก็ได้ หรืออยากจะไปสัมผัสกับบรรยากาศวิสกี้บาร์กรุ่นกลิ่นงานศิลป์ก็แวะไปที่ ดุ๊ก คอนเทมโพรารี อาร์ต สเปซ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของเกษร วิลเลจ facebook.com/duke.gaysorn หรือโทร. 09-4647-8888

หลังจากงานเชฟส์เทเบิ้ลครั้งนี้แล้ว ดุ๊ก คอนเทมโพรารี อาร์ต สเปซ ยังคงมีศิลปะ อาหาร เครื่องดื่ม และอื่นๆ ให้ได้ลิ้มชิมรสชาติเป็นการเปิดประสบการณ์หลากหลายด้านพร้อมกันในสถานที่เดียว หลายคนที่เคยไปเยือนดุ๊กมาแล้ว ต่างก็บอกว่าไปมากี่ครั้งก็ให้ความรู้สึกและอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป