posttoday

รส ‘โอชา’ ประสาภูเก็ต

21 ตุลาคม 2559

ภาพ “ภูเก็ต” ในความคิดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป สำหรับเราแล้ว นี่คือ ดินแดนของความอร่อย ไม่ว่าจะไปกี่ครั้ง

โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง

ภาพ “ภูเก็ต” ในความคิดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป สำหรับเราแล้ว นี่คือ ดินแดนของความอร่อย ไม่ว่าจะไปกี่ครั้ง เกาะแห่งนี้ไม่เคยทำให้นักชิมผิดหวัง ล่าสุดเมื่อ “โอชา” ไปเปิดสาขาที่ภูเก็ต เราก็ได้โอกาสไปลิ้มรสความอร่อยในแบบภูเก็ตอีกหนึ่งครั้ง

โอชา เป็นร้านอาหารไทยต้นตำรับมาจากซานฟรานซิสโก มี 2 สาขาในกรุงเทพฯ และเพิ่งเปิดอีกหนึ่งสาขาในภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ถูกยกให้เป็น City of Gastronomy โดยองค์การยูเนสโก อาหารร้านนี้ดูแลโดย เชฟปู-ปูริดา ธีระพงษ์ ซึ่งเล่าให้ฟังว่า อาหารจะอร่อยได้ต้องมีวัตถุดิบที่ดี และภูเก็ตก็เป็นเมืองซึ่งเต็มไปด้วยวัตถุดิบดีๆ สดใหม่มากมายให้เลือก อาหารของเกาะนี้จึงอร่อย ทั้งยังเป็นไปตามปรัชญาการปรุงอาหารของโอชา ที่ว่า “The Best Authentic Thai Taste with Modern Twist”

สำหรับร้านโอชาที่ภูเก็ตนอกจากลูกค้าจะได้ลิ้มรสอาหารไทยต้นตำรับในสไตล์โมเดิร์นแล้ว ยังมีอาหารพื้นเมืองภูเก็ต โดยเฉพาะ ย่าหยา (Nyonya) หรือที่รู้จักกันในชื่อ อาหารเพอรานากัน (Peranakan) ไว้พร้อมเสิร์ฟ

รส ‘โอชา’ ประสาภูเก็ต

 

อาหารเพอรานากัน หรือย่าหยา คือ วัฒนธรรมอาหารผสมผสานระหว่างจีนและมาเลย์ เป็นสูตรที่ปรุงกันตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษถ่ายทอดกันเจเนอเรชั่นสู่เจเนอเรชั่น

สำหรับ เพอรานากัน เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนจีน (ส่วนใหญ่เป็นจีนฮกเกี้ยน) ซึ่งอพยพมาใช้ชีวิตในมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ระหว่างศตวรรษที่ 15-17 คนเหล่านี้นำวัฒนธรรมวิถีความเป็นอยู่มาถ่ายทอดแพร่กระจาย ทั้งยังรับวัฒนธรรมท้องถิ่นและมีอิทธิพลตะวันตกซึ่งรุ่งเรืองอยู่เหนือดินแดนเหล่านี้ในเวลานั้นมาผสมผสาน กลายเป็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีเอกลักษณ์

คนเพอรานากันที่เรียกตัวเองว่า บาบ๋า-ย่าหยา (ผู้ชาย-ผู้หญิง) ส่วนหนึ่งมาตั้งถิ่นฐานรกรากอยู่ทางภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะภูเก็ต พวกเขานำวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตนมาผสมผสานกับท้องถิ่น ทำให้สีสันของภูเก็ตนั้นเป็นเมืองชายทะเลทางใต้ของไทยซึ่งไม่เหมือนใคร

รส ‘โอชา’ ประสาภูเก็ต

 

อาหารเพอรานากัน หรือย่าหยา ที่ภูเก็ตนั้นมีความผสมผสานระหว่างจีน มาเลย์ และรับอิทธิพลบางส่วนจากอาหารไทย เทคนิคการปรุงอาหารแบบมาเลย์/อินโดผสมผสาน เป็นอาหารที่มีเครื่องปรุงส่วนผสมแบบมาเลย์ จีน ไทย รวมกัน เป็นอาหารที่เด่นเรื่องความหอมทั้งยังมีรสเผ็ดอยู่ด้วย ในอาหารเพอรานากันเราจึงเห็นได้ว่าม กะทิ ข่า ถั่ว ใบลักซา ใบเตย กะปิ น้ำมะขาม ตะไคร้ ดาหลา มันแกว ใบมะกรูด ฯลฯ เป็นส่วนหนึ่งในนั้น

สำหรับที่ โอชา ภูเก็ต มีซิกเนอเจอร์จานอร่อยเหมือนกับสาขากรุงเทพฯ พร้อมเสิร์ฟ ไม่ว่าจะ ดอกไม้กรอบซอสลูกหม่อน ยำหอยนางรม ปลาหมึกผัดไข่เค็มไชยา กุ้งแช่น้ำปลา ต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่นแกะ ภูเก็ตล็อบสเตอร์ซอสกะหรี่โอชา เป็นต้น ส่วนอาหารพื้นเมืองภูเก็ตและเพอรานากันที่น่าลองชิมก็รวมถึง หมูฮ้อง หรือหมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว อร่อยฉ่ำลิ้น ที่เรียกว่า ฮูแช้ เป็นสลัดผักภูเก็ต ซึ่งแตกต่างด้วยน้ำสลัดสูตรดั้งเดิม พร้อมมีเต้าหู้ทอด ไข่ต้ม หมี่กรอบ เสิร์ฟมาด้วย นอกจากนั้นก็มี กุ้งผัดซอสซัมบัล น้ำพริกภูเก็ต หมี่หุ้นแกงปู เป็นต้น

ส่วน โอต้าว คล้ายหอยทอด แป้งนุ่ม ไม่ใส่ถั่วงอก นอกจากนั้นยังมี ต่าวกั้ว (เต้าหู้ทอด) เกี้ยน (หมูสับ กุ้ง ปู มันแกว เผือก ห่อฟองเต้าหู้ นึ่งสุกแล้วนำไปชุบแป้งทอด  อีกหนึ่งเมนูคือ ทอดมัน ที่คนภูเก็ตเรียกว่า ลูกชิ้น บางคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นอาหารธรรมดาๆ แต่อยากให้ลองแล้วจะรู้ว่าเข้มข้นด้วยเครื่องแกง มีมะพร้าวเป็นส่วนผสม สามารถรับประทานเดี่ยวๆ หรือเคียงกับขนมจีน

รส ‘โอชา’ ประสาภูเก็ต

 

สำหรับซอสซัมบัลเป็นเครื่องจิ้มชนิดหนึ่ง คล้ายๆ น้ำพริก มีพริกเป็นส่วนผสมหลัก พบมากในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยซัมบัลใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารหลายชนิดด้วย ส่วนหมี่หุ้น ก็คือ เส้นหมี่สีขาว นำมาปรุงเป็นอาหารเมนูต่างๆ รวมทั้งลวกแล้วรับประทานกับแกงปูแทนเส้นขนมจีน

ส่วนของหวานภูเก็ตนั้นมี โอ้เอ๋ว ซึ่งก็คือ วุ้นของเมล็ดโอ้เอ๋ว ใส่น้ำเชื่อมและน้ำแข็งใส อาจจะมีถั่วแดง เฉาก๊วย แตงโม ฯลฯ ใส่ลงไปด้วย ขนมชนิดนี้หวานเย็นชื่นใจ อีกหนึ่งเมนูคือ ตูโบ้ เป็นต้มบวดรวมมิตร มีส่วนผสมเป็นถั่วแดงเม็ดเล็ก (ถั่วย้อแย้) มันเทศ เผือก (หัวบอน) แป้งมันสำปะหลัง (แป้งตั่วจูหุ้น) ฯลฯ เป็นขนมที่รสหวานนำ มันเข้มข้นด้วยกะทิ ติดเค็มปะแล่มๆ เพราะปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย รับประทานร้อนหรือใส่น้ำแข็งเย็นๆ ก็ได้

ไม่ได้มีเพียงแค่อาหาร โอชา ยังมีเครื่องดื่มที่เป็นซิกเนเจอร์ นั่นก็คือ โอชาย่านัด (OSHA Lanus) ที่สะท้อนกลิ่นอายความเป็นภูเก็ต ด้วยรสชาติเปรี้ยวหวานของสับปะรด น้ำมะนาว และเสาวรส พร้อมกลิ่นหอมจากน้ำผึ้งและใบมินต์ โดยมี ลิเคียวกลิ่นส้ม และไทย พรีเมียมรัมเป็นส่วนผสมหลัก เสิร์ฟพร้อมดื่มในลูกสับปะรด

รส ‘โอชา’ ประสาภูเก็ต

 

มื้อบ่ายๆ ที่ โอชา สามารถจัดอาฟเตอร์นูนทีให้กับลูกค้า โดยมีขนมท้องถิ่นภูเก็ตให้รับประทานคู่ เมื่อชาและขนมมาเสิร์ฟคุณอาจจะฉงนว่า มันคืออะไรกันบ้างละนี่ ขนมภูเก็ตซึ่งเสิร์ฟกับชานั้นมี 2 แบบ คือ ขนมเปียกกับขนมแห้ง ขนมแห้งก็มีหลากหลายชนิดให้เลือกชิม อาทิ บีพ้าง เต้าซ้อ ขนมพริก ก้องถึง (ตุ๊บตั๊บ) พังเปี้ย (ขนมแห่งมารดา) เกียดหลองเตี๋ยว (ขนมโก๋อ่อน) เป็นต้น

ส่วนขนมประเภทเปียกสีสวยน่าชิม เริ่มต้นที่เหนียวหีบ คือ ข้าวเหนียวตัดจิ้มสังขยา ส่วน เป่าล้าง คือ ข้าวเหนียวปิ้งไส้กุ้งและมะพร้าว อีกหนึ่งชนิดมาในห่อเช่นกัน ท่อนใต้ คือ แป้งน้ำตาลทรายต้ม มีรสหวาน อาโป๊ง เป็นแพนเค้กม้วน หรือพัฟอบกรอบ คนจีนปีนังได้สูตรมาจากชาวอินเดียเบเฮ่จี่ หรือขนมสี่ขา เนื้อแป้งคล้ายแก้วตาโบ๋ ส่วน หัวล้าน คือ แป้งนึ่งไส้ถั่ว โก้ยเบ่งก๊า นั้นคล้ายกับขนมบ้าบิ่น ทำจากมันสำปะหลัง โก่ซุ้ย ก็คือ ขนมถ้วย เกี่ยมโก้ย เป็นขนมถ้วยแบบเค็ม โรยหน้าด้วยกุ้งแห้ง ต้นหอม หอมเจียว และราดน้ำจิ้ม ณ จุดนี้ขอหมายเหตุตัวโตๆ ว่า ชุดชายามบ่ายกับขนมพื้นถิ่นสุดพิเศษนี้... ต้องสั่งล่วงหน้าค่ะ

ประสบการณ์ความอร่อยมีให้ค้นหา ณ ร้านโอชา ไทยเรสเตอรองท์ แอนด์ บาร์ สาขา เดอะ เมมโมรี แอท ออนออน ตั้งอยู่ในโรงแรมแห่งแรกของภูเก็ต อายุร่วม 90 ปี งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีสอันทรงคุณค่า ตกแต่งงดงามสะท้อนวัฒนธรรมแบบเพอรานากันโดดเด่น ร้านเปิดทุกวัน 07.00-23.00 น. โทร.076-634-420 หรือ facebook.com/oshathaiatonon

ที่นี่ รส “โอชา” ประสาภูเก็ต มีพร้อมเสิร์ฟ