posttoday

กินตามลายแทง มิชลินไกด์ สิงคโปร์

14 ตุลาคม 2559

การให้ดาวร้านอาหารที่ได้การยอมรับไปทั่วโลก อย่าง กิด มิเชอแล็ง หรือมิชลิน ไกด์ (Guide Michelin/Michelin Guides)

โดย...ปณิฏา สุวรรณปาล

การให้ดาวร้านอาหารที่ได้การยอมรับไปทั่วโลก อย่าง กิด มิเชอแล็ง หรือมิชลิน ไกด์ (Guide Michelin/Michelin Guides) ไกด์บุ๊กที่เริ่มต้นมาจากบริษัทยางในฝรั่งเศสกว่าศตวรรษ ตีพิมพ์ในหนังสือรายปีปกสีแดง ซึ่งปัจจุบันได้ออกไกด์บุ๊กนี้ในหลายประเทศทั่วโลก

กิด มิเชอแล็ง เริ่มต้นในปี 1900 โดย อองเดร และเอดูอาร์ด มิเชอแล็ง เจ้าของบริษัทยางมิเชอแล็ง (มิชลิน) ตีพิมพ์ไกด์บุ๊กเพื่อนักขับขี่ชาวฝรั่งเศส ในสมัยที่มีรถยนต์วิ่งอยู่เพียงไม่ถึง 3,000 คันทั่วประเทศ โดย กิด มิเชอแล็ง ออกมาเป็นช่องทางทางการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายรถยนต์ เพื่อให้มีคนมาใช้บริการเรื่องยางมากขึ้น

 

กิด มิเชอแล็ง ฉบับแรกตีพิมพ์ 3.5 หมื่นเล่ม นำไปวางแจกฟรีตามจุดพักรถต่างๆ นอกจากร้านอาหารที่นักขับสามารถไปใช้บริการแล้ว ยังมีแผนที่การเดินทาง เคล็ดลับในการเปลี่ยนยางรถ โรงแรม ปั๊มน้ำมัน ร้านซ่อมรถในฉบับด้วย หนังสือได้รับความนิยมระดับหนึ่ง กระทั่งปี 1904 สองพี่น้องก็เพิ่ม กิด มิเชอแล็ง ฉบับบุกเบลเยียมออกมา ตามด้วยตูนิเซีย (ปี 1907) เทือกเขาแอลป์และย่านแม่น้ำไรน์ (ครอบคลุมอิตาลีเหนือ สวิตเซอร์แลนด์ แคว้นบาวาเรีย และเนเธอร์แลนด์ ปี 1908) เยอรมนี สเปน โปรตุเกส (1910) เกาะอังกฤษ (1911) และฉบับ Les Pays du Soleil (ครอบคลุมแอฟริกาเหนือ อิตาลีใต้ และเกาะคอร์ซิกา ปี 1911) โดยเมื่อปี 1909 มิชลิน ไกด์ ฉบับภาษาอังกฤษเริ่มตีพิมพ์ออกมาควบคู่กัน

ไกด์บุ๊กปกแดงหยุดชะงักไประหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 มาออกตีพิมพ์อีกทีในปี 1920 ซึ่งเป็นช่วงเวลายากลำบากของเศรษฐกิจยุโรป ทำให้ กิดมิเชอแล็ง เริ่มออกวางจำหน่ายตามร้านตัวแทนจำหน่ายยางมิชลิน แทนที่จะแจกฟรีเหมือนเช่นเคย และอีก 6 ปีต่อมา เริ่มมีการให้ดาวร้านอาหารประเภทไฟน์ไดนิง เริ่มจากการมีดาวดวงเดียว กระทั่งปี 1931 มีการเพิ่มลูกเล่นเป็น 0 ดาว 1 ดาว 2 ดาว และ 3 ดาวแต่ไม่ได้มีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ในการให้ดาวแต่ละประเภท

กินตามลายแทง มิชลินไกด์ สิงคโปร์

จนกระทั่งปี 1936 จึงมีการอธิบายว่า 1 ดาว หมายถึงการเป็นร้านอาหารที่ดีมากๆ ในสาขานั้นๆ 2 ดาว คืออร่อยมากๆ คุ้มค่ากับการขับออกนอกเส้นทางไปกิน และ 3 ดาว หมายถึงอาหารดีเยี่ยม ไกลขนาดไหนก็ต้องเดินทางไปลองให้จงได้

มิชลิน ไกด์ เริ่มเดินทางเข้าเอเชียมาในปี 2007 เริ่มที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เกาะฮ่องกงในปีต่อมา และล่าสุด เพิ่งบุกมาที่แดนลอดช่อง สิงคโปร์ เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้แวดวงอาหารสุดแสนจะคึกคัก เพราะผู้คนต่างยอมรับว่าการจะเข้าไปอยู่ในหนึ่งร้านของไกด์บุ๊กศักดิ์สิทธิ์ (ของนักชิม) นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วยความที่ใกล้เมืองไทยซะขนาดนี้ การไปตามล่าหาร้านเด็ดในมิชลิน ไกด์ ไม่ใช่เรื่องยาก

 

เฉพาะที่รีสอร์ท เวิลด์ เซ็นโตซา (RWS) เองก็กวาด 7 มิชลินสตาร์ จากร้านอาหารชื่อดัง 4 แห่งในมิชลิน ไกด์ สิงคโปร์ (Michelin Guide Singapore) ฉบับปฐมฤกษ์ ประกอบด้วยร้านโชเอล โรบูชง (Joel Robuchon) ได้ 3 ดาวมิชลิน ร้านลัตเตอลิเยร์ เดอ โชเอล โรบูชง (L’Atelier de Joel Robuchon) 2 ดาว ส่วนร้านฟอร์เรสต์ (Forrest) ร้านอาหารจีนร่วมสมัย และโอเซีย ร้านสเต๊ก และซีฟู้ด กริลล์ (Osia Steak & Grill) ได้รับร้านละ 1 ดาว

แม้ร้านฟราเตลลิ ทรัตโตเรีย แอนด์ พิซเซอเรีย (Fratelli Trattoria & Pizzeria) ที่รีสอร์ท เวิลด์ เซ็นโตซา ของเชฟพี่น้องมิชลินสตาร์ เอนริโก และโรแบร์โต ซีเรีย เจ้าของมิชลินสตาร์ 3 ดาว จากร้านดา
วิตโตโร (Da Vittorio) ในอิตาลี จะยังไม่ปรากฏในมิชลิน ไกด์ สิงคโปร์ ฉบับปฐมฤกษ์ แต่ด้วยอานุภาพของ 3 ดาวจากอิตาลี ก็สามารถนำมาจัดไว้ในไกด์ “ชูชกทัวร์” ตามล่าดาวมิชลิน สิงคโปร์ได้อย่างไม่ขัดเขิน

ฟราเตลลิ ในภาษาอิตาเลียนแปลว่าพี่ชายน้องชาย มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารอิตาเลียนสองแบบสองสไตล์ภายใต้หลังคาเดียว นั่นคือทั้งแบบไฟน์ไดนิง (ทรัตโตเรีย) และแบบอาหารง่ายๆ (พิซเซอเรีย) เอาไว้ด้วยกัน

กินตามลายแทง มิชลินไกด์ สิงคโปร์

เมนูที่ร้านฟราเตลลิ ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมลอมบาร์ดิ ที่ตั้งร้านอาหารมิชลิน 3 ดาวของพวกเขา ดา วิตโตโร นั่นเอง ที่นี่มีการตกแต่งแบบเรียบหรู สีสันแนวอบอุ่นแบบคอนเท็มโพรารี ไม่ได้โมเดิร์นจ๋าเกินไป ประกอบด้วยครัวเปิดที่ได้เห็นการทำงานของเชฟชาวอิตาเลียนสุดหล่อ อีกมุมหนึ่งเป็นครัวเปิดของพิซซา ที่โชว์การนวดแป้ง การเติมวัตถุดิบที่เป็นหน้าพิซซา ไปจนถึงขั้นตอนการนำเข้าเตาอบ

นอกจากพิซซ่าหน้าต่างๆ ที่นำเสนอรสชาติดั้งเดิม ทว่าหน้าตาออกแนวร่วมสมัย อย่างเช่นบัคคาลาพิซซ่า ซอสมะเขือเทศ มอสเซอเรลลาชีส มูสมันฝรั่ง ปลาค้อด และเพสโต้ใบโหระพา เบียงก้าพิซซ่า หน้าชีสสดแสนนุ่ม และพาร์มาแฮมแล้วจานเด็ดของร้านฟราเตลลิ ได้แก่ ริซอตโตเนื้อลูกวัวที่เพิ่มความหรูหราด้วยการใส่แซฟฟรอนลงไปด้วย ขณะที่ราวิโอลีสอดไส้ผักโขมและรีค็อตตาชีส โรยหน้าด้วยไข่แดง เอ็มเมนทัลชีส และเห็ดทรัฟเฟิลดำฝาน ก็ไม่ใช่เมนูที่ควรมองข้าม

ไปร้านอาหารอิตาเลียนแล้วไม่สั่งทิรามิสุ ก็เหมือนมาไม่ถึง ที่นี่เรียกเมนูของเขาว่า ทิรามิสุโมเดิร์นโน แน่นอนว่า รสชาติดั้งเดิมมาเต็ม แต่การนำเสนอแบบร่วมสมัยสไตล์สองพี่น้องซีเรีย

ร้านฟราเตลลิ ตั้งอยู่ในเฟสทีฟ วอล์ค ด้านนอกของโรงแรมโฮเทล ไมเคิล มี 164 ที่นั่ง และมีไวน์อิตาเลียนชั้นยอดไว้บริการ ส่วนของพิซเซอเรียเปิดให้บริการอาหารเช้า ตั้งแต่เวลา 07.30-10.30 น. อาหารเที่ยง เวลา 12.00-14.30 น. และอาหารค่ำในเวลา 18.00-22.30 น. เปิดให้บริการทุกวัน และวันหยุดราชการ (ปิดทุกวันอังคาร) ในส่วนของทรัตโตเรีย เปิดให้บริการเฉพาะอาหารค่ำ ในเวลา 18.00-22.30 น. (สำรองที่นั่ง โทร. +65 6577 6688 หรืออีเมล [email protected])

กินตามลายแทง มิชลินไกด์ สิงคโปร์

ข้ามมาอีกฝั่งกับร้านอาหารที่ได้มิชลินสตาร์ 1 ดาว จากมิชลิน ไกด์ สิงคโปร ฉบับปฐมฤกษ์ อย่างโอเซีย สเต๊ก แอนด์ กริลล์ (Osia Steak & Grill) ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2010 เป็นร้านอาหารแบบโมเดิร์นออสเตรเลีย ของเซเลบริตี้เชฟ สก็อตต์เว็บสเตอร์ เชฟชาวออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับอินเตอร์ ที่นี่เสิร์ฟอาหารสไตล์คอนเท็มโพรารีลักซ์ชัวรี่ เน้นการเลือกใช้วัตถุดิบที่ใหม่ สด ตามฤดูกาล

โอเซีย นำเสนอความหลากหลายของอาหาร ตั้งแต่รสชาติแบบคลาสสิค ไปจนถึงรสชาติที่แปลกใหม่ โดยเลือกวัตถุดิบในท้องถิ่นตามแต่ละฤดูกาล ทั้งเนื้อสัตว์ ซีฟู้ด ผักผลไม้ สมุนไพรต่างๆ และเครื่องเทศ ที่หมุนเวียนกันมาจากออสเตรเลีย และจากทั่วทุกมุมโลก อาทิ หมูพันธุ์ไบรอน เบย์ เบิร์กเชอร์ (Byron Bay Berkshire) ที่มีเสิร์ฟที่เดียวในสิงคโปร์ ที่กลายมาเป็นจานเด็ด ซี่โครงหมูย่าง ไบรอน เบย์ เบิร์กเชอร์

นอกจากนี้ยังมี เนื้อริบอายวางุ ที่เลือกใช้ MayuraStation ผู้ผลิตและจำหน่ายเนื้อวัวรางวัลระดับประเทศจากออสเตรเลีย ลายเนื้อสวยงาม ละเอียด รสเนื้อชัดเจน นุ่มละมุน ละลายในปาก รวมทั้ง เนื้อเทนเดอร์ลอยน์ แบล็ก แองกัส ย่างสุกระดับมีเดียมแรร์ให้ถูกใจคนรักเนื้อ พร้อมซอสตำรับพิเศษ ที่จะจิ้มหรือไม่จิ้มก็อร่อยได้

กินตามลายแทง มิชลินไกด์ สิงคโปร์

ชื่อร้านเน้นสเต๊กและอาหารปิ้งย่าง หากทีเด็ดยังมีอยู่ที่จานของหวาน อย่าง Valrhona Hot Chocolate Soup with Black Pepper Ice Cream and Sesame Crisp ช็อกโกแลตร้อนกับไอศกรีมพริกไทยดำ และงากรอบ มันดีงามมากขอบอกว่าไม่ควรที่จะพลาดเด็ดขาด

ร้านโอเซีย มีบริการเซตอาหารกลางวัน แบบ 2 คอร์ส และ 3 คอร์ส รวมทั้งเซตอาหารค่ำสำหรับ 2 ท่าน (จันทร์-พฤหัสบดี) เซตอาหารกลางวันพิเศษสำหรับวันอาทิตย์ (อาหารจานหลัก+ อาหารเรียก
น้ำย่อย และของหวานแบบเติมได้) และสามารถสั่งแบบอะลาคาร์ตก็ได้เช่นกัน พร้อมเสิร์ฟไวน์ระดับพรีเมียม และเบียร์จากออสเตรเลีย

ร้านตกแต่งแบบเรียบง่าย โล่ง โปร่ง สไตล์ร้านสเต๊ก ครัวเปิดขนาดใหญ่ ได้เห็นพร้อมได้กลิ่นอาหารยั่วยวนใจดีแท้ๆ บริการ 94 ที่นั่ง (รวมห้องส่วนตัว 1 ห้อง จุได้ 14 คน) บริการมื้อเที่ยง เวลา 12.00-14.30 น. มื้อค่ำ เวลา 18.00-22.30 น. เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ) สำรองที่นั่ง โทร. +65 6577 6560 หรือ [email protected]

กินตามลายแทง มิชลินไกด์ สิงคโปร์