Festive Holiday
ฉบับแรกประจำปี 2559 ขอใช้พื้นที่เล็กๆ ตรงนี้กล่าวสวัสดีปีใหม่แก่คุณผู้อ่าน Heart Eat ทุกท่านทั้งขาประจำและขาจร
โดย...สีวลี ตรีวิศวเวทย์ ภาพ : cookool studio
ฉบับแรกประจำปี 2559 ขอใช้พื้นที่เล็กๆ ตรงนี้กล่าวสวัสดีปีใหม่แก่คุณผู้อ่าน Heart Eat ทุกท่านทั้งขาประจำและขาจร พรใดคงไม่ประเสริฐเท่ากับสุขภาพที่แข็งแรง และความรักใคร่ในหมู่มวลมนุษย์โลก ที่จะทำให้อาหารจานไหนๆ ก็อร่อยถูกปากไปหมด
Heart Eat ฉบับนี้ยังคงยึดพื้นที่ในช่วงเวลาแห่งความสุข นำเอาสูตรขนมที่เหมาะสำหรับช่วงเทศกาล ทั้งทำกินเองที่บ้านหรือจะนำไปเป็นของขวัญแบบฉบับโฮมเมด โดยมากในช่วงเวลาเฉลิมฉลองแบบนี้ ในซีกโลกตะวันตกที่ย้อนกลับไปเป็นร้อยปีได้ เขามี “Tradition” หรือแบบแผนของการเฉลิมฉลองด้วยขนมที่มีเกร็ดน่ารักน่ารู้ที่น่าสนใจ เราคงอาจสงสัยกันว่าทำไมขนมในช่วงคริสต์มาสของฝรั่งถึงหวานนัก? คำตอบแรกเลยคือ สมัยนั้นน้ำตาลเป็นสิ่งของหายาก ต้องมาจากอีกทวีปหนึ่งโดยขนส่งมาทางเรือ ราคาของน้ำตาลทรายสูงนัก เลยทำให้บ้านไหนที่มีขนมหวานไว้เลี้ยงแขก แจกญาติในช่วงเทศกาล ถือว่าเป็น “ไฮโซ สวยและรวยมาก” อย่างภาษาปัจจุบัน ดังนั้นขนมในช่วงคริสต์มาสถึงได้ค่อนหนักไปทางหวานๆ เคลือบน้ำตาล น้ำเชื่อม ยังมักเพิ่มเติมผลไม้ที่แช่อิ่มด้วยน้ำตาลลงไปในส่วนผสม หรืออาจตกแต่งไว้ด้านนอก ที่ไม่เพียงแค่ “โชว์ฐานะ” เท่านั้น ยังช่วยให้ขนมเก็บไว้ได้นานขึ้นอีกด้วย
นอกจากความแพงของน้ำตาลแล้ว เหล่าเครื่องเทศต่างๆ จากซีกโลกตะวันออก ยังเป็นอีกหนึ่งเครื่องแสดงความฟู่ฟ่าทางฐานะการเงินของเจ้าของงานเลี้ยงในช่วงฤดูหนาวและเทศกาลเฉลิมฉลอง เพราะพวกเครื่องเทศ ไม่ว่าจะเป็นอบเชย กระวาน กานพลู ล้วนแล้วแต่มาจากฝั่งเอเชีย ตะวันออกกลางและอินเดีย การนำเอาเครื่องเทศมาเติมแต่งในขนมหวาน แน่นอนว่าเกิดขึ้นหลังจากการแลกเปลี่ยนสินค้าจากซีกโลกตะวันออกไปยังตะวันตกอีกเช่นกัน อาหาร เครื่องปรุง เครื่องเทศจากโลกตะวันออก ถือเป็นเครื่องบ่งบอกความร่ำรวยในยุคที่การเดินเรือเป็นทางเดียวที่จะขนส่งสินค้าได้รวดเร็วข้ามโลกที่สุด อย่าเปรียบเทียบกับตอนนี้เพราะคุณผู้อ่านอาจไม่เห็นภาพ ตัวอย่างง่ายๆ เลยว่า โต๊ะอาหาร Feast ใหญ่ๆ ในยุโรปในช่วงเวลาหนึ่งเน้นการตกแต่ง Center Piece ด้วยสับปะรด เพราะหายากและมาจากแอฟริกาเท่านั้น นี่คือหนึ่งในตัวอย่าง
พวกขนมในคริสต์มาสหรือปีใหม่ จึงมีส่วนผสมของเครื่องเทศ และเน้นความหวานหอมของน้ำตาลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เวลาจะรับประทานอาจทำให้เจือจางอีกนิดด้วยการเสิร์ฟกับครีม จนเป็นที่มาว่าเพลงคริสต์มาสของเด็กๆ อย่างเพลง Christmas Pudding จึงมีท่อนหนึ่งที่บอกว่าก่อนกินต้องราดครีมจนทั่ว เห็นไหมว่าวัฒนธรรมการกินยังเรียนรู้ได้จากเพลงอีกด้วย
ฉบับนี้ผู้เขียนจึงอยากนำเอาไอเดียการกิน Christmas Pudding ในแบบสมัยใหม่ ที่ใช้สูตร Fruit Cake เข้ามา เอ่ยถึง Fruit Cake เขาว่ากันว่า ฟรุตเค้กถ้าไม่ชอบไปเลย ก็คือเกลียดไปเลย คุณผู้อ่านอย่าเพิ่งกลัวเพราะสูตรนี้เราใช้หลักการของ Light Fruit Cake ที่เนื้อนุ่มเบา ไม่หนักหวาน และเลือกแต่ผลไม้ที่ชอบแต่งเติมลงมาใส่ สำหรับ Heavy Fruit Cake ที่หลายคนกลัวนั้นจะราดและเคลือบด้วยน้ำเชื่อม ผลไม้อาจจะเยอะแยะจนหนักหวานและแคลอรี สูตรนี้ตรงกันข้ามกับที่ว่ามาทั้งหมด ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาทำแจกญาติชิมไปบ้าง ได้รับคำชมว่ารับประทานกับกาแฟหรือชาในตอนเช้าแสนจะเข้ากัน ยิ่งกินยิ่งมันหยุดไม่ได้ จากส่วนผสมที่หวานน้อยๆ ตัดสูตรน้ำตาลจากเดิมของฝรั่งไปกว่าครึ่งก็ยังอร่อยอยู่ เคล็ดลับมีเพียงนิดนึงคือ ต้องใช้เนยที่ไม่เย็นและไม่เหลวจนเกินไป พร้อมกับไข่ที่อุณหภูมิห้อง หลักการเดียวกับบัตเตอร์เค้กทั่วๆไป อย่าลืมว่าลูกเกดที่เลือกใช้คุณผู้อ่านสามารถลดความหวานได้โดยเลือกยี่ห้อที่ปราศจากน้ำตาล และนำมาแช่น้ำอุ่นสักครั้งหนึ่งล้างเอาความหวานรอบหนึ่งออกไป ก่อนจะแช่ให้นุ่มนิ่มด้วยเหล้ารัมดีๆ ถ้าไม่ชอบเหล้ารัมไม่ต้องกังวล ลองเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำแอปเปิ้ลก็ให้ผลดีไม่ต่างจากเหล้ารัมเลย
สูตรนี้ทำแล้วเก็บไว้ในตู้เย็นได้สบายๆ หลายวัน เวลาจะรับประทานเพียงแค่นำมาอุ่นในไมโครเวฟ หรือจะเป็นเตาติ๊ง แบบเตาอบขนาดเล็กก็ได้ไม่ผิดหวัง
Cookool Black Raisin & Rum Cake
เนยจืด 120 กรัม
น้ำตาลทรายขาว ½ ถ้วย
น้ำตาลทรายแดง แบบสีเข้ม ½ ถ้วย
ไข่ไก่ 3 ฟอง
กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
แป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วย + ¼ ถ้วย
เกลือป่น ½ ช้อนชา
อบเชยป่น ½ ช้อนชา
ลูกเกดสีอ่อน ½ ถ้วย
ลูกเกดสีเข้ม ½ ถ้วย
เหล้ารัม ¼ ถ้วย
น้ำสะอาด ½ ถ้วย
วิธีทำ
• คืนก่อนหน้าที่จะทำขนม ผสมน้ำสะอาด เหล้าและลูกเกดทั้งสองชนิดลงในชาม นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 2 นาทีเพื่อให้ร้อน พักไว้สักครู่แล้วนำเข้าตู้เย็น หมักลูกเกดไว้อย่างน้อย 1 คืน เมื่อถึงเวลาทำเค้กให้นำออกมาพักไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 2 ชั่วโมง พร้อมไข่ไก่ด้วยเลย
• เริ่มทำเค้ก โดยร่อนแป้ง เกลือ และอบเชยเข้าด้วยกัน พักไว้
• หั่นเนยจืดในโถตี แล้วพักไว้ที่อุณหภูมิห้อง สำหรับสูตรนี้จำเป็นต้องให้เนย ไข่ไก่ และลูกเกดมีอุณหภูมิใกล้เคียงกัน
• เตรียมพิมพ์และเตาอบ โดยทาเนยลงในพิมพ์ หากพิมพ์มีก้นที่กว้าง แนะนำให้ปูกระดาษไขรองก้นพิมพ์ แล้วทาเนยร่อนแป้งบางๆ เพื่อให้ขนมร่อนออกจากพิมพ์ได้โดยง่าย อุ่นเตาอบไว้ที่ 170 องศา
• “ครีม” หรือตีเนยกับน้ำตาลทั้งสองชนิดให้เบาฟู ที่ความเร็วค่อนข้างสูง ใช้เวลาประมาณ 5-8 นาที
• ค่อยๆ เติมไข่ไก่ลงไปทีละน้อยจนหมด ปาดขอบโถและตีต่อไปจนเนียนเข้ากัน
• เติมแป้งที่ร่อนแล้วลงไป ตีให้พอเข้ากัน จากนั้นเติมลูกเกดพร้อมน้ำที่แช่ลูกเกดลงไป ตะล่อมให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
• เทลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ นำเข้าอบทันทีที่ 170 องศาอบเค้กโดยใช้เวลาประมาณ 50-60 นาที ขึ้นอยู่กับความกว้างและขนาดของพิมพ์ วิธีสังเกตคือ เนื้อเค้กจะหดจากพิมพ์เล็กน้อย ใช้ไม้แหลมจิ้มลงกึ่งกลางพิมพ์ เพื่อดูว่ามีเศษเค้กแฉะๆ ติดขึ้นมาหรือไม่ นำออกมาพักบนตะแกรงรอให้อุ่นๆ แล้วคว่ำออกจากพิมพ์
• รอให้เย็นสนิท ตกแต่งตามชอบ
• วิธีเสิร์ฟ : หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีเสิร์ฟ อุ่นในไมโครเวฟประมาณ 10-15 วินาที เสิร์ฟกับวิปครีมเย็นๆ


