อิ่มอร่อยกันในเทศกาล Winter in the Vinyard ที่ กราน-มอนเต เขาใหญ่
ไร่องุ่นไม่ใช่มีแค่องุ่นอาหารก็มีนะเออ เช่นที่ กราน-มอนเต เขาใหญ่ ไปเยือนมาล่าสุด
โดย...อัคร เกียรติอาจิณ
ไร่องุ่นไม่ใช่มีแค่องุ่นอาหารก็มีนะเออ เช่นที่ กราน-มอนเต เขาใหญ่ ไปเยือนมาล่าสุด เขาพร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้ได้อิ่มเอมกันในเทศกาล Winter in the Vinyard ลมหนาวพัดเย็นสบาย นั่งหม่ำท่ามกลางบรรยากาศไร่องุ่น
ก่อนจะเริ่มลิ้มรสอาหารควรค่ามากกับการทัวร์ไร่พื้นที่ราว 90 ไร่ เรียงรายด้วยเถาองุ่นหลากหลายสายพันธุ์สำหรับผลิตไวน์แดง ไวน์ขาว รวมถึงองุ่นกินสด ชอบอย่างหลังเมื่อมันถูกแปลงร่างเป็นน้ำองุ่น 100 เปอร์เซ็นต์ ได้รสและกลิ่นองุ่นจริงๆ กระทั่งในรูปแบบอื่นๆ เช่น แยมโฮมเมดและคุกกี้ก็ยังแสดงความเป็นองุ่นชัดเจน
หลังจากซึมซับการทัวร์ไร่จนหนำใจ ความหิวก็สำแดงเดช ความอร่อยโดยเจ้าของสูตร “สกุณา โลหิตนาวี” ณ ห้องหารอาหารวินคอตโต มีทั้งอาหารไทยและเทศ ความที่ตัดใจไม่ลง ไทยก็อยากกิน เทศก็อยากลอง ขอสั่งสองเซต (เป็นไง)
คุยกันกำลังได้อรรถรส เพราะไวน์เรียกน้ำย่อย อาหารทยอยลงโต๊ะ ประเดิมด้วยอาหารฝรั่งที่เจ้าของสูตรเล่าว่าเป็นเมนูที่ทำกินกันประจำ โดยเธอปรับให้เข้ากับลิ้นของสมาชิกในบ้าน ผลลัพธ์คือทุกคนต่างหลงรสมือแม่ครัวรายนี้ เมื่อมีโอกาสเปิดไร่ต้อนรับคนภายนอก ครั้นจะเก็บความอร่อยไว้คนเดียวก็ใช่เรื่อง นั่นเป็นเหตุผลให้เธอต้องนำเสนอสารพัดเมนูแก่ผู้มาเยือน
“ฟัวกราส์และโฮมเมดกูสเบอร์รี่คอมโพส” แม้จะไม่เลิฟฟัวกราส์ แต่แรกเห็นใจก็แทบขาดรอนๆ ไม่รีรอ ขอชิมเป็นบุญปาก เพียงคำเล็กๆ รับรู้ถึงรสฟัวกราส์ ความเปรี้ยวอมหวานของกูสเบอร์รี่ดีที่สุดสำหรับจานประเดิม
ตามมาติดๆ “กูลาชซุป” มัดใจคนกินด้วยรสที่ไม่หนักลิ้นของซุปสไตล์ฮังกาเรียน สูตรของที่นี่ใช้เนื้ออย่างดีทำ เคี่ยวรวมกับผักจนได้ซุปละมุน กลิ่นหอมเนื้อทำเอาคนไม่กินเนื้อตบะแตก วัดจากการขอดก้นถ้วยจนเกลี้ยง
เบรกอาหารฝรั่งไว้แป๊บ เพราะเหลือบเห็นอาหารไทยพาเหรดมาเสิร์ฟแบบไม่ต้องยั้ง พอร์ชั่นพอเหมาะแชร์กันได้ ใครที่ไปเป็นคู่ “ถุงทอง”“ช่อม่วง” “ปีกไก่ทอด” เรียกน้ำย่อยได้ไม่เลวยิ่งเฉพาะช่อม่วงแป้งนุ่มไส้แน่น หลับตากินก็นึกว่ากำลังอยู่ในร้านอาหารไทยหรูหราที่มักมีของว่างไทยรองท้องก่อนเสมอ ส่วนปีกไก่ทอดก็อร่อยเวอร์ กรอบนอกนุ่มใน ขณะที่ถุงทองให้ความกรุบจากแป้งที่ห่อไส้นำไปทอด
หันกลับมามองคนข้างๆ อีกจานวางไว้เรียบร้อย “ซีซาร์สลัด” ทั่วไปแล้วซีซาร์สลัดต้องคลุกน้ำสลัดแองโชวี เบคอนและขนมปังกรอบ พาร์เมซานชีสฝนเป็นฝอยๆ แต่สูตรที่นี่สไลซ์พาร์เมซานชีสบางๆ มาพร้อมไข่ต้มยางมะตูมกับไก่ทอด โอ้!!! ไม่คิดว่าสองอย่างหลังจะเข้ากับสลัดอันมีประวัติเนิ่นนาน จานแรกหมดต่อจานที่สองก็ยังไหว
พาเหรดกันมาจนยากจะยับยั้งชั่งใจกันได้ สำหรับอาหารที่นี่แม้จะเสิร์ฟเป็นเซต แต่ขอการันตีในความอร่อยว่าทุกจานยิ่งมาเจอจานหลักยิ่งหยุดไม่ได้ ในใจก็อยากขอสูตรกลับไปลองทำกินที่บ้านเลยล่ะ (555)
อาหารไทยมี “ผัดผักรวม” “ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์” “ต้มข่าไก่” เมนูนี้โดนใจ เพราะไม่หนักกะทิเกินไป ซดร้อนๆ แกล้มไวน์หรือกินกับข้าวสวย “โรตีเนื้อพริกขี้หนู” ถึงเครื่องถึงรส บิโรตีจุ่มน้ำแกงก็ฟินไปไหนต่อไหน “ยำถั่วพู” เสิร์ฟแบบแยกน้ำปรุง ไม่ราดกะทิ เด็ดกว่านั้นคือใส่ลูกมะมาดในน้ำปรุง
“สูตรยำถั่วพูที่นี่จะไม่ใส่กะทิค่ะ เป็นสูตรของคนโบราณ เพิ่มความเปรี้ยวด้วยลูกมะมาด ซึ่งคนโบราณนิยมใส่กัน แต่คนสมัยนี้ไม่รู้จักกัน”
ขณะที่จานหลักอาหารฝรั่งเสิร์ฟสไตล์ฝรั่งเศส “เป็ดกงฟีต์ มันฝรั่งและซอสบัลซามิก” น่องเป็ดหมักกับส่วนผสมต่างๆ เข้าเนื้อ ก่อนจะนำไปอบ ได้ความหอมและนุ่มมาก คนรักเป็ดน่าจะชอบ
นอกจากอาหารไทยและเทศที่เสิร์ฟกันไม่ยั้ง ทั้งสองเซตเมนูยังมีไวน์เสิร์ฟเคียงคู่ โดยหลักการจับคู่ระหว่างอาหารกับไวน์นั้น ที่นี่จะตั้งไวน์ไว้ก่อน แล้วค่อยหาอาหารที่รสชาติเหมาะเจาะและไปกันได้ดีกับไวน์
“ความฝาดที่อยู่ในไวน์ก็มีส่วนสำคัญต่อรสชาติอาหาร ไวน์บางตัวอาจจะทำให้อาหารไม่อร่อย หรืออาหารบางอย่างก็อาจส่งผลต่อรสชาติไวน์ได้เหมือนกัน อาหารฝรั่งจะเลือกจับคู่กับไวน์เป็นจานๆ ได้ง่ายกว่า ส่วนอาหารไทยนั้นด้วยความที่มีหลายรสชาติในหนึ่งจาน การจะจับคู่กับไวน์จำเป็นต้องเลือกเมนูรสกลางและกลมกล่อม ถ้าเลือกรสจัดก็อาจไม่เข้ากับไวน์
อาหารบางจานก็มีการปรับ เช่น แกงเนื้อน้ำจะขลุกขลิก โรตีจิ้มน้ำแกงได้เลย อาหารฝรั่งก็เลือกให้เหมาะกับฤดูกาลด้วย เช่น ซุปกุลาช เหมาะมากกับการกินหน้าหนาว ซีซาร์ก็พลิกแพลงนิดหนึ่ง แทนที่จะสับไข่ก็เป็นไข่ต้มยางมะตูม จากเบคอนกรอบก็เป็นไก่กรอบ ส่วนเป็ดกองฟีต์ต้องหมักเกลือประมาณหนึ่งอาทิตย์ เพื่อให้ความเค็มซึมเข้าเนื้อเป็ดจะได้มีความนุ่มยิ่งขึ้น”
ยังไม่จบ เพราะขนมหวานยังไม่เสิร์ฟ ความอร่อยส่งท้ายด้วย “ไอศกรีมกะทิ” กับ “คริสต์มาสเค้กและไอศกรีมวานิลลาโฮมเมด” เนื่องว่าขนมทั้งสองจานไม่หวานมาก กินได้เพลินๆ เจ้าของสูตรจึงจับคู่กับไวน์รสชาติหวานอมเปรี้ยว โดยขนมและอาหารทั้งหมดมีให้ลิ้มลองจนถึงสิ้นเดือน ม.ค. 2559 เท่านั้น รายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองโต๊ะโทร.08-1734-7049, 08-6133-6000 www.facebook.com/granmonte