posttoday

มรดกข้าว ชาวอีสาน

20 พฤศจิกายน 2558

ร่วมวงเสวนา “มังมูน บุญข้าว” ณ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา โดยผู้สันทัดด้านวัฒนธรรมอีสาน

โดย...โจ เกียรติอาจิณ  ภาพ จิม ทอมป์สัน

ร่วมวงเสวนา “มังมูน บุญข้าว” ณ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา โดยผู้สันทัดด้านวัฒนธรรมอีสาน เล่าผ่านประเพณีและวิถีชีวิต “ฮีตสิบสอง” ทำให้รู้ว่าชาวอีสานนั้นผูกพันกับข้าวและท้องนา

เด่นชัดคือ “งานบุญ” เชื่อมโยงท้องนากับผู้คน หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว ในบริบทต่างๆ ทั้งกุศโลบายและเชิงสัญลักษณ์ เป็นสิริมงคล นำไปสู่ความอุดมสมบูรณ์และความเชื่อให้แต่ละถิ่นฐานคงไว้ซึ่งเรื่องราวได้เว้า (พูด) ต่อไม่รู้จบ

“มังมูน” หมายถึง “มรดกพรั่งพร้อม” ที่ปู่ย่าตายายถือปฏิบัติจากรุ่นสู่รุ่น แม้คนรุ่นนั้นจะล้มหายตายจากไป แต่มันยังปรากฏอยู่และถูกรักษาโดยคนรุ่นหลัง เมื่อนำมารวม “บุญข้าว” ที่มีตลอดทั้งปี จึงเชื่อสนิทใจว่าข้าวเป็นดั่งมูนมังของชาวอีสาน

มรดกข้าว ชาวอีสาน

 

เจ้าอาวาสวัดไชยศรี อ.เมือง จ.ขอนแก่น “พระครูบุญชยากร” สะท้อนเรื่องราวข้าวในวัยเยาว์ ยามใดปั้นข้าวเหนียว ข้าวเหนียวติดมือ นั่นละเนื้อแท้ความผูกพันข้าวกับคน ข้าวเหนียวติดมือห้ามสลัดทิ้ง ต้องเก็บกินทีละเม็ด คนเฒ่าคนแก่สอน แสดงถึงความเคารพต่อเมล็ดข้าวและพระแม่โพสพ แม่เคี้ยวข้าวเหนียวในปาก ห่อใส่ใบตอง นำไปหมกไฟ ความหอมและความหวานของข้าวเหนียวหมกไฟคือความรักที่แม่มีให้ลูก

งานบุญที่เกี่ยวกับข้าว พระครูบุญชยากรว่าเป็นโอกาสอันดีที่เด็กๆ จะได้รื่นเริง เช่น บุญข้าวจี่ ได้นั่งชมหมอลำ บุญแจกข้าว ได้ชมหนังกลางแปลง นอกจากนั้นตามจารีต 12 เดือน (ฮีตสิบสอง) ชาวอีสานยังยึดเอาความเชื่อเรื่องการทำบุญข้าวเป็นวาระสำคัญ

“บุญคูณลาน” (บุญเดือนยี่ หรือเดือนสอง) มี “พิธีลอมข้าว” (นำข้าวมากองรวมกัน) บ้างก็เรียก “สู่ขวัญข้าว” หรือ “ปลงขวัญข้าว” บูชาพระแม่โพสพ เฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณ์ ทำก่อนจะมีการตีข้าว บางหมู่บ้านยังนำข้าวไปรวมที่วัด ตกแต่งเป็นปราสาทข้าว เพื่อทำ “บุญกุ้มข้าวใหญ่” (บุญกองข้าวใหญ่)

มรดกข้าว ชาวอีสาน

 

“บุญข้าวจี่” (บุญเดือนสาม) ทำหลังวันมาฆบูชา ชาวบ้านนำข้าวเหนียวนึ่งสุกปั้นเป็นก้อนชุบไข่ชุบน้ำอ้อย จี่กับไฟร้อนๆ เหลืองหอมกรอบนอกนุ่มใน นำไปถวายพระสงฆ์ ในพุทธประวัติมีเรื่องเล่าว่าข้าวจี่นี้ หญิงยากจน (นางปุณณทาสี) ไม่มีอาหารถวายพระพุทธเจ้า จึงจี่ข้าวถวาย จนเกิดเป็นอานิสงส์ ข้าวจี่เหลือจากการถวายพระสงฆ์ นำมาแบ่งปันกันกิน ได้บุญยิ่งนัก

ชาวอีสานกับงานบุญเกี่ยวกับข้าว ยังรวมถึง “บุญผะเหวด” (บุญเดือนสี่) “บุญบั้งไฟ” (บุญเดือนหก) “บุญข้าวประดับดิน” (บุญเดือนเก้า) “บุญข้าวข้าวสาก” (บุญเดือนสิบ) ทุกๆ บุญจะใช้ข้าวเป็นสัญลักษณ์

บุญผะเหวด ชาวบ้านปั้นข้าวก้อนเพื่อบูชากัณฑ์เทศน์ (บุญมหาชาติ) ไปวัดฟังเทศน์มหาเวสสันดรชาดร 13 กัณฑ์ บุญบั้งไฟ บูชาพระยาแถน ให้ฝนตกก่อนเริ่มทำนา บุญข้าวประดับดิน นำข้าวปลาอาหารหวานคาวและหมากพลูห่อใบตอง แขวนตามกิ่งไม้ หรือวางตามโคนต้นไม้ อุทิศส่วนกุศลให้ญาติที่ตายและบูชาพระแม่ธรณี ช่วยให้ข้าวงอกงาม บุญข้าวสาก (สลากภัต) อุทิศส่วนกุศลให้คนตายหรือเปรต จัดอาหารใส่ “ห่อข้าวน้อย” เขียนสลากลงบาตรพระสงฆ์ จับได้ชื่อใครก็นำไปถวายพระสงฆ์รูปนั้น

มรดกข้าว ชาวอีสาน

 

แน่นอน อาหารที่ทำมาจากข้าวก็หลั่งไหลมาไม่ขาด คนทำอิ่มใจ คนกินอิ่มแปล้ มีในงานบุญก็ได้บุญทั้งคนทำคนกิน

“ข้าวจี่” ปั้นข้าวเหนียวนึ่ง ต้องปั้นให้ได้ขนาด ใหญ่ไปเล็กไปไม่ดี ต้องพอเหมาะพอคำ ปั้นให้แน่น กดลงฝ่ามือให้แบนนิดๆ ทาเกลือ ชุบไข่ จี่ไฟให้ไข่สุก ชอบเกรียมก็จี่ไฟต่อ รับรองยั่วน้ำลายไม่น้อย

“ข้าวตอก” หรือ “ป๊อปคอร์นอีสาน” ไม่คล้ายก็ชวนให้นึกถึงป๊อปคอร์นตอนกินในโรงหนัง ข้าวเปลือกโยนใส่หม้อดิน คั่วไฟอ่อนๆ สักพัก ข้าวเปลือกโดนความร้อนจะแตก อย่าลืมปิดฝาหม้อ เดี๋ยวข้าวจะกระเด็น เสียงดังตอกแตกเป็นที่มา “ข้าวตอกแตก” กินเปล่าๆ ก็ได้ นำไปทำ “กระยาสารท” ก็อร่อย

มรดกข้าว ชาวอีสาน

 

“ข้าวแดกงา” อาจจะไม่สุภาพ แต่ทำเสร็จใหม่ๆ อร่อยไม่น่าเชื่อ แดกมาจาก “กระแทก” หรือ “ตำ” นำข้าวเหนียวนึ่งใส่ครกตำขณะยังร้อน ก่อนจะเหยาะน้ำตาลอ้อยกับงาคั่วลงไป ตำให้เข้ากัน ข้าวเหนียวนั้นมีทั้งข้าวเหนียวขาวกับข้าวเหนียวดำ ได้ความเหนียวหนึบหอมหวาน

“ข้าวเม่า” นำข้าวเปลือกที่ยังไม่แก่จัดคั่วไฟอ่อนๆ ระวังอย่าให้ไหม้ ไม่เช่นนั้นข้าวเม่าจะไม่หอม คั่วได้ที่ เทใส่ครกกระเดื่อง ตำให้เปลือกข้าวออกจากเมล็ด ข้าวเม่าที่ดีต้องหอมและนิ่ม ไม่แข็งกระด้าง คลุกมะพร้าวขูดกับน้ำตาลทราย หรือต้มน้ำกะทิกับน้ำตาลอ้อย เรียกว่า “ข้าวเม่าเปียก”

“ข้าวเขียบ” สูตรอีสานต้องมีน้ำแช่เถาตดหมา เพิ่มความพองความหอมให้แป้งข้าวเขียบ ข้าวเขียบชั้นเลิศ รีดเป็นแผ่น จี่ไฟอ่อนๆ เดี๋ยวเดียวแป้งก็พอง ส่งกลิ่นหอม บิกินอร่อยเพลินๆ

มรดกข้าว ชาวอีสาน

“ข้าวปุ้น” หรือ “ขนมจีน” เส้นข้าวปุ้นแป้งสดสีขาวจากข้าวใหม่ รสและกลิ่นไม่เปรี้ยวเหมือนข้าวปุ้นแป้งหมัก เส้นเหนียวนุ่ม กินกับน้ำยา ใส่ส้มตำ กลายเป็น “ตำซั่ว” แซบหลาย

ผู้เชี่ยวชาญศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน “ยุทธพงศ์ มาตย์วิเศษ” เล่าให้ฟัง ข้าวปุ้นถือเป็นเมนูจากข้าวที่บ่งชี้ถึงการร่วมแรงร่วมใจของชาวอีสานและมักมีในงานบุญงานมงคล

“ปุ้นน่าจะมาจากคำว่าปล้น เพราะมีนิทานอีสานบอกไว้ ยุคหนึ่งมีการปล้นเกิดขึ้น ชาวบ้านต้องนำข้าวมาตำเป็นแป้ง เพื่อไม่ให้คนปล้นข้าว จากข้าวปล้นก็เพี้ยนมาเป็นข้าวปุ้น” ความอร่อยจากข้าวรอให้ลิ้มรสอยู่ในงานบุญปีนี้ของจิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ เชิญสัมผัสกันได้ระหว่างวันที่ 5 ธ.ค. 2558-10 ม.ค. 2559 โทร. 02-762-2566, 08-5660-7336

ข่าวล่าสุด

เนชั่นจัดเวทีประชันวิสัยทัศน์ ว่าที่นายกฯ คนที่ 33 ชูจุดเปลี่ยนประเทศไทย 2569