ชิลล์ฟู้ด แช่เย็นไม่ใช่แช่แข็ง

โดย...คาเอรุ

ใครๆ ก็อยากได้ชิมอาหารระดับพรีเมียม ที่เสิร์ฟเมนูรสเลิศจากฝีมือการปรุงของเชฟทุกวัน ที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ในทุกๆ วัน ตอนนี้เป็นจริงได้แล้ว เนื่องจากล่าสุด เชฟเออร์วิน อีเบอร์ฮาร์เทอร์ เชฟผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปีทั่วโลก และเป็นอดีตหัวหน้าเชฟแห่งห้องอาหารในเครือโรงแรมดุสิตธานี ได้พลิกโฉมวงการอาหารเมืองไทย สร้างสรรค์เมนูอาหารสุดหรูพร้อมรับประทานสไตล์ “ชิลล์ฟู้ด” (Chilled Food) ภายใต้แบรนด์ “เชฟเออร์วิน” (Chef Erwin) ในคอนเซ็ปต์ Fresh & Delicious ภายใต้แนวคิด การนำส่วนผสมที่สดใหม่มาปรุงให้ได้อาหารจานอร่อย ที่ครบถ้วนทั้งรสชาติ และยังคงคุณค่าทางอาหารตามหลักโภชนาการ

จากประสบการณ์หลายสิบปีของเชฟเออร์วิน เขาเลือกที่จะนำส่วนผสมสำคัญของแต่ละเมนูมาจากแหล่งวัตถุดิบชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อแกะจากประเทศออสเตรเลีย เนื้อปลาแซลมอนจากประเทศนอร์เวย์ หญ้าฝรั่นและน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จากประเทศสเปน มะเขือเทศและชีสปาร์มิจาโน รวมไปถึงทรัฟเฟิลเพสต์ อีกทั้งพาสต้าแป้งเซโมลินาจากประเทศอิตาลี

นอกจากนี้ ยังมีมันฝรั่งที่ดีที่สุดจากยุโรปหลายแห่ง น้ำมันเมล็ดฟักทองจากบ้านเกิดในประเทศออสเตรีย เห็ดพอร์ชินีแห้งจากประเทศฝรั่งเศส แล้วก็คุกกิ้งครีมจากประเทศไอร์แลนด์ ฯลฯ

“วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม เป็นส่วนสําคัญในการปรุงอาหารจานอร่อยแบบพร้อมรับประทาน และยังดีต่อสุขภาพ เนื่องจากโดยเราได้ใช้เทคนิคในการทําอาหารขั้นสูงและความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนได้อร่อยไปกับอาหารระดับร้านอาหารในโรงแรม เสิร์ฟคุณภาพแบบแช่เย็น (Chilled) ไม่ใช่แช่แข็ง (Frozen) พร้อมให้นำกลับไปรับประทานที่บ้านได้อย่างสะดวกสบาย เพียงอุ่นด้วยไมโครเวฟแค่ 4 นาทีเท่านั้นเอง” เชฟเออร์วิน กล่าว

เนื่องจากเป็นอาหารชนิดแช่เย็น ไม่ใช่แช่แข็งจึงทำให้คุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าอาหารสําเร็จรูปทั่วไปที่มักเป็นแบบแช่แข็ง ผักและโปรตีนยังคงวิตามินเอาไว้ครบถ้วนเหมือนปรุงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานหลัก กับเมนูสุดคลาสสิก 4 รายการ ได้แก่ สตูเนื้อแกะในซอสนาวาแร็ง ไก่ตุ๋นไวน์แดง หรือก๊อกโอแวง (Coq au Vin) แซลมอนสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ปลาเนื้อขาวสอดไส้แซลมอนในซอสหญ้าฝรั่น แต่ละเมนูมาพร้อมเครื่องเคียงไม่ธรรมดา ตั้งแต่มันฝรั่งอบ มันฝรั่งบด ถั่วบด ราตาตุย ถั่วขาวผัด ข้าวหอมมะลิ ฯลฯ

สำหรับคนชอบอาหารเส้น เชฟเออร์วินได้สร้างสรรค์พาสต้าสไตล์ชิลล์ฟู้ดพร้อมรับประทานเอาไว้ 4 แบบ 4 สไตล์ เช่นเดียวกัน ตั้งแต่ สปาเกตตีในซอสมารีนารา ลาซานญาจากแคว้นเอมิเลยี
โรมัญญา พาสต้าลิงกีนี่เห็ดทรัฟเฟิล จากแคว้นเวเนเซีย ปิดท้ายด้วยเพนเน รีกาเต จากแคว้นโรมา

อาหารพร้อมรับประทานทั้ง 8 รายการ มาพร้อมรสชาติระดับโรงแรม และคงคุณค่าทางโภชนาการ (มีอายุราว 3 สัปดาห์) จะรับประทานแบบง่ายๆ ในบรรจุภัณฑ์เดิมที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟ หรือต้องการจะจัดใส่จานสวยๆ สำหรับปาร์ตี้ที่บ้านก็ได้เช่นกัน (ราคาระหว่าง 219-319 บาท เลือกซื้อได้ที่ฟู้ดแลนด์ กูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขาดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต สาขาเซ็นทรัล ชิดลม หรือสั่งออนไลน์ได้ที่ www.passiondelivery.com/collections/chef-erwin)

สำหรับอาหารแบบชิลล์ฟู้ด เป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง โดยการทำให้อุณหภูมิในการเก็บอาหารต่ำลงไปที่ราว 0 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่ทำให้ของเหลวกลายเป็นของแข็งเช่นอาหารแช่แข็ง แต่เพียงแค่ทำให้เย็นเท่านั้น ซึ่งในสหรัฐและในอังกฤษเป็นที่รู้กันว่า อาหารชนิดนี้คุณภาพดีและคงคุณค่าทางอาหารสูงกว่าอาหารแช่แข็ง แต่ก็มักมีราคาสูงกว่าด้วยเช่นกัน เนื่องจากต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง และครัวที่ทันสมัยในการปรุง รวมทั้งไม่ได้เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ผลิตคราวละมากๆ

นอกจากนี้ การที่โฟรเซนฟู้ดทำให้ของเหลวในอาหารกลายเป็นของแข็ง ทำให้โมเลกุลของอาหารเปลี่ยนไป แม้ว่าบางรายจะไม่ได้ใช้สารเคมีในการผลิต ทว่ารสที่มาจากส่วนผสมในธรรมชาติ รวมทั้งคุณค่าทางอาหารบางอย่างก็ได้สูญหายไประหว่างที่ของเหลวได้กลายเป็นของแข็งด้วย

ชิลล์ฟู้ดเริ่มพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่สมัยทศวรรษที่ 1960 โดยเริ่มจากอาหารง่ายๆ อย่างเช่นพายต่างๆ แซนด์วิช พิซซ่า โดยเฉพาะในสหรัฐและอังกฤษ อาหารประเภทพร้อมรับประทานชนิดชิลล์ฟู้ด พัฒนาหลากหลายขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว โดยเจาะตลาดพรีเมียม เนื่องจากตลาดแมสนั้นคนนิยมซื้ออาหารชนิดแช่แข็งที่มีราคาถูกกว่า ขณะที่ในอังกฤษที่คนตระหนักเรื่องสุขมากกว่า ชิลล์ฟู้ดชิงพื้นที่ 10 เปอร์เซ็นต์ ของวงการค้าปลีกทีเดียว