posttoday

"วิว-เยาวภา" สานคำพ่อสู่ลูกน้อย

23 ตุลาคม 2559

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นแบบอย่างที่หลายคนยึดมั่นถือปฏิบัติตาม

โดย...ชมณัฐ รัตตะสุข

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นแบบอย่างที่หลายคนยึดมั่นถือปฏิบัติตาม ไม่เว้นแม้แต่ “วิว” เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักเทควันโดทีมชาติไทย ที่นอกจากจะดำเนินชีวิตตามรอยเบื้องพระยุคลบาทแล้ว ยังสานต่อเรื่องราวสู่ลูกน้อยทั้งสองคนของตัวเองด้วยเช่นกัน

เยาวภา เป็นหนึ่งในนักกีฬาไทยที่เคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณ เข้าเฝ้าฯ เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระราชวังไกลกังวล จากการสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ ด้วยการคว้าเหรียญทองแดงประวัติศาสตร์ให้ทัพเทควันโดไทย ในโอลิมปิกเกมส์ 2004 ที่ประเทศกรีซ ซึ่งการเข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิดในครั้งนั้น เธอได้รับฟังพระบรมราโชวาทในเรื่องของความอดทนและความเพียรพยายาม พร้อมรับพระราชทานหนังสือพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” เป็นเครื่องเตือนใจ

จากวันนั้น “วิว” ได้ยึดคำสอนของพ่อหลวงมาใช้ในการดำเนินชีวิตเรื่อยมา ที่สำคัญปัจจุบันในฐานะคุณแม่ เธอยังได้นำสิ่งนี้มาสานต่อให้กับ “น้องวินด์” และ “น้องเรย์” ลูกชายและลูกสาว วัย 4 ขวบ กับ 2 ขวบ ของเธอ ซึ่งแม้ทั้งคู่จะยังเด็ก แต่ก็สามารถรับรู้และเข้าใจในสิ่งที่คุณแม่สื่อสารได้ โดยเธอจะคอยสอดแทรกพระมหากรุณาธิคุณที่ทำให้คนไทยทั้งชาติรักและเทิดทูนพระองค์ให้ลูกได้รับรู้ในแบบที่เข้าใจง่าย

“เขารู้ว่าในหลวงคือใคร เขาเห็นภาพที่เราเคยเข้าเฝ้าฯ ยังถามเลยว่าแม่เคยเจอในหลวงด้วยเหรอ ซึ่งเราก็จะคอยเล่าเรื่องในหลวงให้ลูกๆ ฟังว่าพระองค์ท่านทรงเก่งอย่างไร พยายามเล่าให้เป็นนิทานและสอดแทรกความรู้ โดยนำเรื่องที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงพระราชกรณียกิจต่างๆ มาเล่าให้ฟัง ให้ลูกได้เรียนรู้ถึงการเสียสละและมีน้ำใจ พยายามปลูกฝังให้ทำเพื่อผู้อื่นตั้งแต่ยังเด็ก”

คุณแม่วัย 32 ปี ยังเลือกที่จะนำพระอัจฉริยภาพในความเป็นอัครศิลปินของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาเป็นต้นแบบให้ลูกทั้งสองได้ก้าวตาม เนื่องจากเล็งเห็นว่าพัฒนาการด้านอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

“ในหลวงทรงมีพระอัจฉริยภาพในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านดนตรี กีฬา ศิลปะ และภาษา ซึ่งเรามองว่าเป็นสิ่งสำคัญที่อยากให้ลูกๆ ได้เจริญรอยตาม เพราะมองว่าพัฒนาการด้านอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็ก ตอนนี้ลูกๆ ก็ได้เรียนรู้ทุกอย่างที่กล่าวมา และมีความสนุกสนานเสมอ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เด็กอารณ์ดี และจะทำให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นคนที่ดี ที่สำคัญหากมีอารมณ์รักหรือชอบในการทำอะไรแล้ว ก็จะทำได้ดี แต่หากพัฒนาการด้านอารมณ์ไม่ดี โตขึ้นก็อาจจะมีปัญหาเรื่องความเครียด และส่งผลด้านลบต่อทั้งตัวเองและการเข้าสังคม”

"วิว-เยาวภา" สานคำพ่อสู่ลูกน้อย

นอกจากจะคอยสอนแล้ว เยาวภายังคงนำแบบอย่างการใช้ชีวิตของพ่ออยู่หัวมาปฏิบัติเป็นตัวอย่างให้ลูกได้เห็นด้วยตัวเอง

“ในหลวงสอนให้เรารู้จักพอเพียง เราได้รู้เรื่องที่พระองค์ทรงใช้ยาสีฟันจนหมดหลอด ชนิดที่รีดจนเกลี้ยงไม่มีเหลือ ตอนนี้ที่บ้านก็ได้ทำตามแล้ว ให้ลูกเห็นว่าเราต้องเห็นคุณค่าของสิ่งของ พยายามซื้อของใช้ตามความจำเป็น ไม่ซื้ออะไรที่เกินความจำเป็น นอกจากนี้เราได้ศึกษาโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ที่ในหลวงได้ทรงริเริ่มดำเนินการทดลองการแปรรูปผลิตผลการเกษตรขึ้นในพระราชวัง นอกจากจะเลี้ยงตัวเองได้แล้วยังสร้างอาชีพได้อีกด้วย ซึ่งที่บ้านมีที่ดินเปล่าอีกประมาณเกือบ 1 ไร่ ซึ่งเตรียมที่จะนำมาปรับใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ โดยเริ่มจากเล็กๆ ก่อน เช่น ปลูกพืชผักสวนครัว หรือเลี้ยงไก่สัก 10 ตัว เพื่อนำไข่และผลผลิตไว้ทานเอง นอกจากจะช่วยประหยัดแล้ว ยังได้อาหารที่มีคุณภาพและปลอดสารพิษให้ลูกๆ ได้ทานอีกด้วย”

เหนือสิ่งอื่นใดในฐานะคุณแม่ “วิว” ได้มองลึกลงไปถึงวิธีการเลี้ยงดูลูกของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “สมเด็จย่า” ของปวงชนชาวไทย ที่ฟูมฟักพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จนทรงเจริญพระชนมพรรษาขึ้นมาเป็นเอกบุรุษในสายตาคนทั่วโลก

“ที่ผ่านมาลูกอยากได้ของเล่นอะไรเราก็มักจะซื้อให้ตลอด แต่พอได้รู้เรื่องที่สมเด็จย่าทรงเลี้ยงในหลวง ด้วยวิธีให้พระองค์ทรงเก็บเงินซื้อของเอง และหากยังเก็บได้ไม่ครบแล้วเกิดความอยาก พระองค์ก็จะทรงประดิษฐ์ขึ้นมาเอง สิ่งนี้ทำให้เรากลับมาคิดว่าเราซื้อของเล่นให้ลูกง่ายไปหรือเปล่า ตอนนี้จึงพยายามสอนให้ลูกรู้จักความประหยัดและเห็นคุณค่าของสิ่งของ ไม่ซื้อของเล่นที่ฟุ่มเฟือย เมื่อลูกอยากได้หุ่นยนต์แต่เราไม่ซื้อให้ เขาก็จะหยิบเกราะเทควันโดมาต่อเป็นหุ่นยนต์เล่นเอง ซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เป็นการช่วยพัฒนาเด็กให้มีความคิดสร้างสรรค์อีกทาง”

ฮีโร่สาวไทยทิ้งท้ายว่า เมื่อลูกทั้งสองคนโตพอที่จะรับรู้เรื่องราวที่ลึกมากขึ้นกว่านี้ ตนจะเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของชาติไทยให้ลูกได้รับรู้

“เราเป็นคนไทย เราต้องรู้ว่าประเทศของเรามีประวัติศาสตร์เป็นมาอย่างไร พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณต่อประเทศชาติอย่างไรบ้าง ท่านทรงเหนื่อยกันมากขนาดไหนกว่าที่เราจะได้อยู่อย่างสุขสบายเหมือนทุกวันนี้ เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่ลูกจะต้องได้รับรู้ เพื่อหาโอกาสตอบแทนพระคุณแผ่นดินยามที่เติบโตขึ้นมา”

เชื่อได้เลยว่าแม้ “น้องวินด์” กับ “น้องเรย์” จะยังเด็ก และเกิดไม่ทันได้สัมผัสกับพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วยตัวเอง แต่ “คุณแม่วิว” จะเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวที่อยู่ในใจคนไทยทั้งชาติให้ทั้งคู่ได้ตราตรึงสืบต่อไปแน่นอน