posttoday

อยากโดนแม่ตบอีกครั้งจัง

27 กันยายน 2558

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

"แม่กูใจดีกับทุกคนยกเว้นกู"

เป็นประโยคที่ผมเคยพูดเล่นบ่อยๆสมัยเป็นเด็ก เวลามีเพื่อนมานอนค้างที่บ้านแล้วได้เจอกับเสน่ห์อันเหลือล้นของแม่

แม่จะมีรอยยิ้มสวยๆคอยต้อนรับ หาข้าวปลาหาขนมนมเนยมาปรนเปรอ ดูแลเรื่องเสื้อผ้า ที่หลับที่นอน ยันโทรศัพท์หาพ่อแม่เพื่อนพร้อมรับปากว่าจะดูแลอย่างดีเหมือนลูกคนหนึ่ง ทุกคนจึงชอบแม่เสมอ

แต่กับลูกชายตัวเอง แม่เป็นคนดุมาก ไม่ใช่ดุแบบเจ้าระเบียบ แต่ดุแบบเจ้าอารมณ์ ปากถึงมือถึง เวลาทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ เสียงตวาดแว้ดจะดังลั่นมาก่อน ตามมาด้วยฝ่ามืออันทรงพลังที่ฟาดเพี๊ยะไปตรงไหนก็ตามที่เอื้อมถึง ลูกๆจึงกลัวแม่ กลัวอารมณ์ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้ายของแม่อย่างจับใจ

ย้อนคิดถึงความทรงจำในวัยเด็กก็ยังขนลุกไม่หาย จำได้ว่านั่งกินข้าวไปดูทีวีไปแต่ชักช้ายืดยาดกินไม่หมดเสียที แม่จึงทุบเปรี้ยงเข้าให้จนร้องจ้า ก่อนจะหยิบช้อนมาป้อนเอง รู้ซึ้งเลยว่ากินข้าวเคล้าน้ำตามันเป็นยังไง ตอนแม่พาไปที่ทำงาน ใส่รองเท้าหนังคู่ใหม่เดินตึงตังไปทั่วแบบเด็กซน แม่จะส่งสายตายักษ์ๆมาจนเสียวสะท้านไปทั้งตัว เสียงตึงตังก็หายไปในทันที หรือตอนเจอผู้หลักผู้ใหญ่ แม่จะหยิกแขนจนร้องโอ๊ยพลางบอกเสียงนุ่มๆว่าสวัสดีอาเขาสิลูก ทั้งที่ผมเตรียมจะยกมือสวัสดีอยู่แล้ว แต่อาจไม่ทันใจแม่

สมัยมัธยม ทุกๆเช้าแม่จะขับรถพาไปส่งที่โรงเรียน สงครามบนเบาะหน้ามีให้เห็นทุกวัน ด้วยเรื่องผลการเรียนและสัพเพเหระต่างๆ ตวาดบ้าง ทุบบ้าง จนมั่นใจว่าคนที่อยู่ในรถคันอื่นคงต้องเห็นแน่ๆ ช่วงหลังเลยใช้วิธีขึ้นรถปุ๊บหลับปั๊บยาวจนถึงโรงเรียน เพื่อหลบเลี่ยงอารมณ์โทสะร้ายในยามเช้าของแม่

ความร้ายกาจของแม่เริ่มผ่อนคลายลงตามวันเวลาที่ล่วงเลย หลังเข้ามหาวิทยาลัย อาจจะมีเสียงดังบ้างตามนิสัยเคยชิน แต่แม่เลิกใช้กำลังทำโทษอย่างถาวร จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมหงอกขาวขึ้นแซมผมดำ แววตาดุๆมีความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่ อารมณ์ที่เคยร้อนแรงดั่งพายุกลายมาเป็นสายฝนอันฉ่ำเย็น ลูกๆไม่กลัวแม่อีกแล้ว

วันก่อนผมมีโอกาสไปนั่งกินไก่ทอดเคเอฟซีในรอบหลายปี ขณะนั่งฉีกไก่กินอย่างเอร็ดอร่อย จู่ๆความทรงจำสมัยเด็กก็ผุดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

จำได้ว่า ทุกวันเสาร์อาทิตย์ วันไหนถ้าแม่อารมณ์ดีก็จะอนุญาตให้ลูกๆโทรสั่งพิซซ่าหรือเคเอฟซีมากินได้ มันเป็นความสุขประสาเด็กๆที่ผมกับน้องสาวจะแย่งกันโทรสั่งแย่งกันเลือกเมนู ก่อนนั่งกินกันอย่างมูมมาม โดยมีแม่นั่งมองด้วยใบหน้าที่มีความสุขไม่แพ้ลูกๆ

จำได้ว่าแม่นี่แหละที่ชอบพาเราไปซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วเล่นเกมสนุกๆที่เรียกว่า "นาทีทอง" โดยแม่จะให้เวลา 2 นาที ให้ลูกๆวิ่งไปหยิบขนมอะไรก็ได้ตามใจชอบมาใส่รถเข็น เราสองพี่น้องก็วิ่งป่วนไปทั่วด้วยความตื่นเต้น หยิบขนมหยิบช็อคโกแลตที่อยากกิน โดยมีแม่หัวเราะดังๆไล่หลังอย่างมีความสุข

จำได้ว่าวันดีคืนดีขณะกำลังนั่งล้อมวงคุยกับเพื่อนๆแถวบ้านหลังเตะบอลเสร็จ เหงื่อซ่กๆ ท้องร้องจ๊อกๆ แม่เดินมาจากไหนไม่รู้ จนเพื่อนๆทุกคนขยับตัวเตรียมวงแตก (เพราะกลัวแม่มาก) จู่ๆก็ยื่นเงินให้ 500 บาทให้เอาไปกินหมูกะทะ แล้วเดินกลับบ้านไปแบบงงๆ ท่ามกลางเสียงเฮสนั่นของเพื่อนๆ

แม่นี่แหละที่เคยไปยืนจังก้าเอาเรื่องเพื่อนรุ่นพี่ถึงหน้าบ้าน ตอนผมโดนไล่เตะในสนามฟุตบอล เคยออกไปจับตั๊กแตนดึกๆดื่นๆในป่าแถวบ้าน และเที่ยวขอซื้อกระป๋องโค้กเปล่าๆจากร้านของชำ เพื่อให้ผมเอาไปใช้ในวิชาวิทยาศาสตร์ เคยโดดราชการพาผมไปงานสัปดาห์หนังสือ ร้านขายส่งหนังสือการ์ตูนแถวผ่านฟ้า เที่ยวเขาดิน เคยขับรถจากที่ทำงานมารับผมไปโรงพยาบาลตอนโรคกะเพาะกำเริบไม่รู้กี่ครั้ง

อยากได้จักรยาน คอมพิวเตอร์ กางเกงยีนส์ตัวใหม่ รองเท้าสตั๊ด กล้องถ่ายรูป ยันหนี้สินที่ยืมเพื่อนมา แม่ก็หยิบยื่นชดใช้ให้หมด

วันนี้เพิ่งจะมาเข้าใจ แม่เราปากร้ายแต่ใจดี ใจถึงยิ่งกว่าผู้ชายบางคนเสียอีก

คำว่า "แม่กูใจดีกับทุกคนยกเว้นกู" วันนี้เป็นเพียงแค่ประโยคขำๆไว้พูดเล่นกันระหว่างเพื่อนเท่านั้น

ยิ่งพูดคำนี้ทีไรก็ยิ่งคิดถึงแม่ คิดถึงความอบอุ่น ความรัก ความเอาใจใส่ คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นแม่

อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง คราวนี้ถึงจะโดนตบอีกกี่ทีก็ยอม.