posttoday

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

02 ธันวาคม 2559

พระปรีชาสามารถของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเปี่ยมล้นไปด้วยพระอัจฉริยภาพหลากหลายด้าน

โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์

นับแต่ยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีอุปนิสัยโปรดความมีระเบียบวินัย และสนพระราชหฤทัยในกิจการเกี่ยวกับกองทัพอยู่เสมอ ได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมที่ตั้งกองทหารหน่วยต่างๆ ทรงเอาพระทัยใส่ในความเป็นอยู่ของทหารและตำรวจเป็นนิจ ด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จฯ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศในอดีต) เสด็จจากประเทศอังกฤษไปทรงศึกษาต่อวิชาการทหารณ ประเทศออสเตรเลีย

เมื่อเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๓ ทรงเข้าศึกษาระดับเตรียมทหารที่โรงเรียนคิงส์ เขตพารามัตตา นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทรงศึกษาอยู่จนถึงเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๔ ต่อมาพุทธศักราช ๒๕๑๕ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ทรงเข้าศึกษาวิชาการทหารชั้นสูงที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลียนับตั้งแต่ภาคแรกแห่งการศึกษาเป็นต้นไป

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

หลักสูตรของวิทยาลัยการทหารแห่งนี้แบ่งออกเป็น ๒ ภาค คือ ภาควิชาการทหาร รับผิดชอบและดำเนินการโดยกองทัพบกออสเตรเลีย นักศึกษาที่สำเร็จหลักสูตรนี้จะได้เป็นนายทหารยศร้อยโท

ส่วนอีกภาคหนึ่งเป็นการศึกษาสามัญ ระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ รับผิดชอบหลักสูตร แบ่งออกเป็นสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ และวิทยาศาสตร์นักเรียนนายร้อยที่ผ่านหลักสูตรดังกล่าวจะได้รับปริญญาตรีสาขาที่เลือกศึกษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเลือกศึกษาในสาขาวิชาอักษรศาสตร์ และทรงสำเร็จการศึกษาเมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๙

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

พุทธศักราช ๒๕๒๐ ถึงพุทธศักราช ๒๕๒๑ ทรงเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรประจำชุดที่ ๕๖

พุทธศักราช ๒๕๒๗ ถึงพุทธศักราช ๒๕๓๐ ทรงศึกษาด้านกฎหมาย และทรงได้รับปริญญานิติศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

พุทธศักราช ๒๕๓๓ ทรงเข้ารับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่งสหราชอาณาจักร

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระวิริยอุตสาหะในการเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ด้านการทหารอยู่ตลอดเวลา โดยหลังสิ้นสุดการศึกษาด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลียแล้ว ยังทรงเข้ารับการฝึกเพิ่มเติมระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙ และทรงศึกษางานทางการทหารในประเทศออสเตรเลีย โดยทุนกระทรวงกลาโหม ทรงประจำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษ การทำลายและยุทธวิธีรบนอกแบบ หลักสูตรต้นหนชั้นสูง หลักสูตรการลาดตระเวนและต้นหนชั้นสูง หลักสูตรส่งทางอากาศ รวมถึงหลักสูตรการบินอื่นอีกด้วย

“ข้าพเจ้าผู้เป็นสยามมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศและอริยศักดิ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้ด้วยชีวิตจะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่าง โดยเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถและโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสุข และความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศไทย จนตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่”

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

เป็นคำถวายสัตย์ปฏิญาณในการพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ณ อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามในวันสถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช๒๕๑๕ เพื่อเป็นรัชทายาทสืบสันตติวงศ์

กาลเวลาได้ลุล่วงไปจนเป็นที่ประจักษ์ว่า พระองค์ได้ทรงยึดมั่นในพระปฏิญญาทรงพระวิริยอุตสาหะ มุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทยโดยมิย่อท้อ

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

ปฏิบัติการ ณ บ้านหมากแข้ง

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระวิริยอุตสาหะในการเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ด้านการทหารอยู่ตลอดเวลา โดยหลังสิ้นสุดการศึกษาด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลีย รวมถึงทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรอื่นๆ แล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ยังได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจโดยทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้ายในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศด้วย

โดยเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมตำรวจ ทหารและราษฎรในพื้นที่ ณ ฐานปฏิบัติการบ้านหมากแข้ง อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลยหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้ส่งกำลังเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการของตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต และได้บาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนหนึ่ง

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมตำรวจ ทหาร และราษฎรในพื้นที่ โดยหลังจากประทับรับฟังการบรรยายสรุปแล้ว พระองค์ได้รับสั่งกับพลโทสมศักดิ์ ปัญจมานนท์แม่ทัพภาคที่ ๓ ด้วยพระสุรเสียงอันหนักแน่นว่า “จะต้องไปแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นให้ได้”

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

แม้ว่าแม่ทัพภาคที่ ๓ จะกราบบังคมทูลทัดทาน เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนั้นไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ แต่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารก็ทรงยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “ชักช้าไม่ได้ต้องรีบไปแก้ไขให้ได้ในวันนี้และเดี๋ยวนี้” จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งรับสั่งให้นักบินมุ่งตรงไปที่บ้านหมากแข้งทันที และในขณะที่เฮลิคอปเตอร์จะร่อนลงพระองค์ได้ทรงกระโดดลงและโผวิ่งหาเข้าที่กำบังอย่างห้าวหาญในขณะเดียวกันผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์จากเนินเขาด้านทิศตะวันตกก็ได้ใช้อาวุธปืนเล็กระดมยิงเข้าไปในฐานบ้านหมากแข้งอย่างหนักและต่อเนื่อง ระหว่างปฏิบัติการทางทหารในครั้งนี้ พระองค์ได้ทรงออกคำสั่งให้แม่ทัพภาคที่ ๓ รวมทั้งนายทหารที่ติดตามมาด้วยทุกคน แยกย้ายกันนำทหารยิงโต้ตอบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

พร้อมกันนั้นได้ทรงสั่งการให้ชุดปฏิบัติการออกลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ โดยพระองค์ทรงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดด้วยพระองค์เอง ทั้งที่แม่ทัพภาคที่ ๓ ได้กราบบังคมทูลทัดทาน ด้วยเกรงว่าพระองค์จะทรงเป็นอันตราย แต่พระองค์รับสั่งว่า “ฉันต้องไป เพราะว่าเป็นหน้าที่ของทหาร” ขณะที่ทรงนำชุดปฏิบัติการออกลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ พระองค์ได้ทรงแสดงความกล้าหาญมีน้ำพระทัยอย่างน่าสรรเสริญยิ่ง นำหน้าทหารเดินบุกตะลุยเสี่ยงอันตรายต่อการถูกซุ่มยิงและเสี่ยงต่อการถูกกับระเบิดเป็นอันมาก แต่พระองค์ก็ไม่ได้ทรงหวาดหวั่นแต่ประการใด ทรงมีพระสติมั่นคงสั่งทหารดำเนินกลยุทธ์ยิงโต้ตอบ จนผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ต้องล่าถอยไป

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

ภายหลังเสร็จสิ้นปฏิบัติการก็ได้ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปทรงเยี่ยมทหารตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์การเสด็จฯ เยี่ยมหน่วยทหารตำรวจและราษฏรในพื้นที่ปฏิบัติการของกองทัพ ภาคที่ ๓ ของสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งนั้นนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นอย่างหาที่เปรียบมิได้

กษัตริย์เจ้าเวหา

เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ตามราชประเพณีและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระองค์ท่านทรงเป็นจอมทัพไทย ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของกองทัพไทย ประกอบด้วย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

แต่การที่จะทรงดำรงตำแหน่งนี้ได้มิใช่เป็นเรื่องที่ได้มาโดยราชประเพณีเท่านั้น พระองค์ทรงมีความสนพระราชหฤทัยและทรงมีวิริยะอุตสาหะในเรื่องนี้มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ หลังจบการศึกษาจากประเทศไทย และทรงเข้ารับการศึกษาจนจบระดับมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนมิลล์ฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท ประเทศอังกฤษ

ทรงเข้ารับการศึกษาระดับเตรียมทหารจากโรงเรียนคิงส์ เขตพารามัตตา นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ในพุทธศักราช ๒๕๑๓-๒๕๑๔

จากนั้น พุทธศักราช ๒๕๑๕-๒๕๑๙ ทรงเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษา และทรงได้รับปริญญาอักษรศาสตร์บัณฑิต (การศึกษาด้านการทหาร) คณะการศึกษาด้านการทหาร มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งวิทยาลัยการทหารดันทรูน ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ จัดการศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และอักษรศาสตร์ขึ้นที่วิทยาลัย

วันที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๘ ทรงเข้ารับราชการเป็นนายทหารประจำกรมข่าวทหารบก กระทรวงกลาโหม และทรงรับราชการทหารมาตลอด

พระองค์ทรงพระวิริยะอุตสาหะในการเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในด้านวิทยาการการบิน กล่าวคือเดือนมกราคม-ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙ ทรงเข้ารับการฝึกเพิ่มเติมและทรงศึกษางานด้านการทหารในประเทศออสเตรเลีย โดยทุนของกระทรวงกลาโหม ทรงประจำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษที่นครเพิร์ธ รัฐออสเตรเลียตะวันตก ออสเตรเลีย

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

พุทธศักราช ๒๕๒๐-๒๕๒๑ ทรงเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรประจำ ชุดที่ ๕๖

วันที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑ ทรงดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับกองพันทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์

พุทธศักราช ๒๕๒๒-๒๕๒๓ ทรงเข้ารับการศึกษาหลักสูตรการบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ ยูเอช-๑ เอชของบริษัท เบลล์

เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๓ ทรงเข้าศึกษาหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ ยู เอช-๑ เอช-๑ เอ็น

ของบริษัท เบลล์ จำนวนชั่วโมงบิน ๒๔๙.๕๖ ชั่วโมง

เดือนกันยายน-ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๒๓ ทรงเข้ารับการศึกษาหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธ (แบบยูเอช-๑ เอช ของบริษัท เบลล์) ของกองทักบกไทย จำนวนชั่วโมงบิน ๕๔.๕๐ ชั่วโมง

วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๓ ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

พุทธศักราช ๒๕๒๓-๒๕๒๔ ทรงเข้ารับการศึกษาหลักสูตรการฝึกบินเครื่องบินปีกติดลำตัวแบบ Siai-Marchetti SF ๒๖๐ MT จำนวนชั่วโมงบิน ๑๗๒.๒๐ ชั่วโมง

พุทธศักราช ๒๕๒๕-๒๕๒๖ ทรงเข้าศึกษาหลักสูตรการบินเปลี่ยนแบบเป็นเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-๕ (พิเศษ) รุ่นที่ ๘๓ (พุทธศักราช ๒๕๒๖) เอ ที ดับบลิว และหลักสูตรเครื่องบินขับไล่ชั้นสูง รุ่นที่ ๘๓ (พุทธศักราช ๒๕๒๖) เอ วี ดับบลิว ที่ฐานทัพอากาศวิลเลียมส์ รัฐแอริโซนา สหรัฐ จำนวนชั่วโมงบินมากกว่า ๒,๐๐๐ ชั่วโมง

วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๗ ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์

พระองค์ทรงพระปรีชาชาญในวิทยาการด้านการบิน ทรงรอบรู้เทคนิคสมัยใหม่ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เคยทรงเข้าร่วมการแข่งขันการใช้อาวุธทางอากาศ ณ สนามฝึกอาวุธทางอากาศชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี และทรงชนะเลิศการแข่งขันเมื่อวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๐

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย

วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๑ ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์

พุทธศักราช ๒๕๓๓ ทรงเข้ารับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่งสหราชอาณาจักร

วันที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๕ ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด

วันที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗ ทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบินเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-๕ อี/เอฟ พระองค์ทรงมีชั่วโมงฝึกบินอย่างต่อเนื่องสูงมาก และเป็นสิ่งที่ยากสำหรับนักบินทั่วโลกที่จะทำได้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของกองทัพไทยและปวงชนชาวไทย

"รัชกาลที่ 10"กษัตริย์จอมทัพไทย