posttoday

ทนายยืนยันลูกค้าปฎิเสธจ่าย "service charge" ร้านอาหารได้จริง

21 กันยายน 2559

ทนายความชื่อดังระบุ ผู้บริโภคสามารถปฎิเสธ จ่าย service charge ในร้านอาหารได้จริง

ทนายความระบุ ผู้บริโภคสามารถปฎิเสธ จ่าย service charge  ในร้านอาหารได้จริง เหตุไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องจ่าย 

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. กรณีสังคมออนไลน์พากันเเชร์บทความจากสมาชิกเว็บไซด์พันทิปรายหนึ่ง ที่ระบุเรื่องราวการเก็บค่า service charge ของร้านอาหาร โดยกล่าวว่า ได้ค้นหาและวิเคราะห์ข้อกฏหมายต่างๆ กับกลุ่มทนายความเเล้วพบว่าลูกค้ามีสิทธิที่จะไม่จ่ายค่า service charge  และทางร้านไม่มีสิทธิในการเรียกเก็บ

"พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราไปร้านอาหาร เราไปซื้ออาหาร หลังจากที่เราสั่งอาหาร ถือว่าการตกลงซื้อขายได้เกิดขึ้นแล้ว และกระบวนการทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในการกินอาหาร ก็มีแค่ พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟให้เรา  การเรียกเก็บค่า service charge 10% จึงไม่มีความเป็นธรรม เพราะไม่ได้มีบริการเสริมใดๆขึ้นมาจากการเสริฟอาหารปกติ และต่อให้มีบริการอะไรที่เพิ่มเป็นพิเศษ ลูกค้าก็ต้องมีสิทธิเลือกว่าจะซื้อบริการนั้นหรือไม่" 

เจ้าของกระทู้ดังกล่าวยังระบุด้วยว่า เมื่อทดลองไม่จ่ายค่า service charge ให้กับร้านอาหารก็พบว่า  ไม่มีร้านไหนกล้าเก็บหรือเอาผิดตนเเม้เเต่ร้านเดียว

ล่าสุด โพสต์ทูเดย์ลองสอบถามไปยัง ทนายความ "เกิดผล เเก้วเกิด" ได้ความว่า ประเทศไทยไม่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับเรื่อง service charge เเละผู้บริโภคสามารถปฎิเสธที่จะจ่ายได้จริง

"ที่ผ่านมาประชาชนไม่ติดใจเเละไม่รู้เรื่องกฎหมาย เราไม่ได้ตกลงกับเขาล่วงหน้า อยู่ๆ มาบอกว่ามี service charge เเล้วจะเรียกเงินจากเราไม่ได้ เเละถึงเเม้ร้านจะระบุไว้ว่ามี service charge  เราก็ไม่จำเป็นต้องจ่าย เพราะนับเป็นการระบุฝ่ายเดียว

ในอดีตเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกามาเเล้ว ในลักษณะที่ว่า 'ห้างสรรพสินค้าติดป้ายประกาศ หากรถหายห้างจะไม่รับผิดชอบ' ศาลฎีกาตัดสินว่า เป็นการประกาศฝ่ายเดียว เขียนไว้ล่วงหน้าฝ่ายเดียว โดยที่เราไม่ยินยอมหรือตกลงด้วย เช่นกัน การไปรับประทานอาหาร ถึงเเม้ร้านจะเขียน service charge กำกับอยู่เเต่ไม่ได้แปลว่าเรายินยอม ผู้บริโภคเลือกเข้ารับประทานอาหารเพราะยินยอมกับราคาอาหารเท่านั้น การคิดค่า service charge โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมนับเป็นเรื่องเอาเปรียบผู้บริโภค" ทนายเกิดผลกล่าว

ทั้งนี้เนื้อความจากเว็บไซต์พันทิปฉบับเต็มที่มีการเเชร์อย่างกว้างขวางระบุดังนี้ โดยกระทู้ดังกล่าวถูกลบทิ้งออกจากเว็บไซด์ไปเเล้ว

"ผมได้ปรึกษาทนาย ว่าร้านอาหารสามารถเก็บค่า service charge ลูกค้าได้ไหม

จากการระดมสมองของกลุ่มทนายมือดี 6 คน เพื่อค้นหาและวิเคราะห์ข้อกฏหมายต่างๆ

ปรากฏว่า ลูกค้ามีสิทธิที่จะไม่จ่ายค่า service charge  และทางร้านไม่มีสิทธิในการเรียกเก็บ

ผมพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราไปร้านอาหาร เราไปซื้ออาหาร หลังจากที่เราสั่งอาหาร ถือว่าการตกลงซื้อขายได้เกิดขึ้นแล้ว และกระบวนการทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในการกินอาหาร ก็มีแค่ พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟให้เรา 

การเรียกเก็บค่า service charge 10% จึงไม่มีความเป็นธรรม เพราะไม่ได้มีบริการเสริมใดๆขึ้นมาจากการเสิร์ฟอาหารปกติ

และต่อให้มีบริการอะไรที่เพิ่มเป็นพิเศษ ลูกค้าก็ต้องมีสิทธิเลือกว่าจะซื้อบริการนั้นรึไม่

และผมได้ปฏิเสธการจ่ายค่า service charge มาตลอด2เดือนที่ผ่านมา ทุกร้านจะเรียกผู้จัดการร้านมาคุยกับผม

ผมได้ตอบกลับไปทุกรายว่า คุณมีสิทธิอะไรมาคิดเงินผมเพิ่มอีก10% นอกเหนือจากค่าอาหาร ผมท้าให้ฟ้องร้องเป็นคดีตัวอย่างเลย

ให้ศาลตัดสินเป็นคดีแรกของประเทศไทยไปเลย เพื่อจะได้ลงหน้า1ไทยรัฐ คนไทยทั้งประเทศจะได้เลิกถูกเอาเปรียบจากนายทุน

ปรากฏว่า ไม่มีร้านไหนกล้าเก็บค่า service charge ผมแม้แต่ร้านเดียว  โดยทางผู้จัดการร้านบอกว่าครั้งนี้จะอนุโลมให้เป็นพิเศษ ผมสวนกลับไปทันทีว่าพรุ่งนี้ผมก็จะมากินอีก แล้วก็จะไม่จ่ายค่า service charge เช่นเดิม ให้ทางร้านเตรียมทนายมาด้วยเลยก็ได้ 

ตลอด2เดือน หลังจากที่ไม่ต้องจ่ายค่า service charge 10% ทำให้ผมมีเงินในกระเป๋าเหลือมากขึ้นจนน่าตกใจ

ผมมาคิดๆดู ตลอดชีวิตผมเสียค่าโง่พวกนี้ไป น่าจะเป็นรถยนต์คันหนึ่งได้เลย  หรือถ้านำไปลงทุนในกองทุนรวม เงินก้อนนี้คงกลายเป็นล้านไปแล้ว

บางร้านถึงกับคิดค่าบริการสุดโหด 15-20% ก็มีในหลายๆร้านในกรุงเทพ

หลังจากอ่านกระทู้นี้จบ ขอให้ทุกคนปฏิเสธการจ่ายค่าบริการในทุกกรณี  เพราะทางร้านไม่มีสิทธิมาเก็บกับเรา เด็กเสิร์ฟคือลูกจ้างของร้าน และกฏหมายกำหนดให้นายจ้างเป็นผู้จ่ายค่าจ้าง ไม่ใช่ผลักภาระมาให้ลูกค้าเป็นค่าจ่าย 

ร้านค้าบางร้านหัวหมอ ใช้จุดอ่อนด้านต่อมคุณธรรมของคนไทย โดยบอกว่าค่าบริการจะทำให้พนักงานเสิร์ฟมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เปิดคางมาแบบนี้ ผมสวนด้วยอัพเปอร์คัทกลับไปทันทีว่า ถ้าคุณอยากให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นก็ขึ้นเงินเดือนให้พวกเขาเป็นเดือนละแสนสิ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย

ถ้าวันนี้ผมไม่เป็นคนเริ่ม สังคมไทยต่อไปลำบากแน่ เพราะร้านอาหารมันจะได้ใจ และอาจขึ้นค่าบริการไปเรื่อยๆจนวันหนึ่ง ค่า service charge อาจแพงกว่าอาหาร เช่น ข้าวผัดกุ้งจานละ 80 ค่าบริการ 100 บาท 

คนไทยถูกเอาเปรียบจนคิดว่ามันคือเรื่องปกติ  ถ้าใครมองว่าการจ่ายค่าบริการ10% เป็นเรื่องปกติ และชอบด้วยเหตุผลแล้ว

ผมแนะนำว่าคุณควรทบทวนตัวเองแล้วว่าคุณคงถูกเอาเปรียบจนกลายเป็นเรื่องปกติรึป่าว 

เรื่องนี้ถึงอย่างไรก็ผิดกฏหมาย และเรามีสิทธิอย่างเต็มที่ที่จะไม่จ่าย 

ผมอยากให้ร้านอาหารฟ้องผมเหลือเกิน จะได้เป็นคดีตัวอย่างไปเลย

และมั่นใจว่า ผมชนะแน่นอน หลังจากปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางกฏหมายที่จบจาก อเบอดีน (แหล่งผลิตนักกฏหมายระดับท็อปของโลก)

เขาให้เหตุผลไว้อย่างน่าฟัง ว่า...

ถ้าเรื่องนี้ศาลตัดสินให้ ผู้บริโภคแพ้คดี สิ่งที่ตามมาก็คือ ทุกๆธุรกิจจะหันมาเก็บค่าบริการบ้าง

เช่น

ร้านถ่ายเอกสาร เก็บค่าบริการเพิ่มอีก 10% เพราะเขาต้องเอามือหยิบกระดาษจากเครื่องส่งให้คุณ

ร้านขายของชำ จะเก็บค่าบริการเพิ่มอีก 10% เพราะเขาต้องให้พนักงานหยิบของใส่ถุงให้คุณ

มันมีอะไรแตกต่างจากร้านอาหาร ที่แค่ยกอาหารมาเสิร์ฟให้ลูกค้า

ถ้าร้านอาหารสามารถเก็บได้  ธุรกิจอื่นๆก็เก็บได้เช่นกัน

ช่วยกันแชร์ออกไปเยอะๆ และเริ่มที่ตัวคุณ ต่อไปให้ปฏิเสธการจ่ายค่าบริการในทุกๆกรณี  และถ้าร้านไม่ยอม ก็ท้าให้ฟ้องเลย

คุณชำระแค่ค่าอาหาร ส่วนค่าบริการไม่ต้องจ่าย

กฏหมายไม่เปิดช่องให้ร้านอาหารสามารถมาเรียกเก็บค่าบริการจากเราได้

ส่วนใครที่ประทับใจในการบริการ คุณสามารถให้เป็นทิปแก่พนักงานได้  เพราะทิปมันถึงพนักงานแน่นอน และเป็นการให้ด้วยความสมัครใจไม่ใช่ถูกมัดมือชกแบบ service charge"  

ข่าวล่าสุด

“โฆษกศาลยุติธรรม” ชี้ศาลฎีกาพร้อมรับคำร้องคดีเลือกตั้ง สส.ทั่วประเทศออกแบบระบบออนไลน์รับคดี