posttoday

รัฐขออย่าตื่นตระหนกไวรัสซิการะบาดกทม. ชี้พบป่วย20ราย

11 กันยายน 2559

โฆษกรัฐขอประชาชนอย่าตื่นตระหนกข่าวไวรัสซิการะบาดในกทม. ชี้ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต พบผู้ป่วยแค่ 20 ราย นายกฯกำชับสธ.เฝ้าระวัง รณรงค์ทำความเข้าใจ

โฆษกรัฐขอประชาชนอย่าตื่นตระหนกข่าวไวรัสซิการะบาดในกทม. ชี้ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต พบผู้ป่วยแค่ 20 ราย นายกฯกำชับสธ.เฝ้าระวัง รณรงค์ทำความเข้าใจ

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อต่างๆ ว่าโรคติดเชื้อไวรัสซิกาเข้ามาระบาดในกรุงเทพฯ และมีผู้ติดเชื้อหลายรายกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ โดยพบมากที่สุดที่เขตสาทร นั้น รัฐบาลขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าวดังกล่าว เพราะไวรัสซิก้าไม่ได้น่ากลัวหรืออันตรายถึงชีวิต และขณะนี้พบผู้ป่วย 20 ราย เท่านั้น

"ผู้ป่วยทุกรายอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด แม้บางรายจะเดินทางกลับไปต่างจังหวัดแล้ว แต่สำนักอนามัย กทม. ได้ประสานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ผู้ป่วยอาศัยอยู่ให้ช่วยติดตามอาการ และแนะนำให้พักผ่อนอยู่กับบ้านในช่วงที่ป่วย นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ 1 ราย และปัจจุบันคลอดแล้ว พบว่า ทารกมีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่พบความผิดปกติ แต่ต้องติดตามผลการตรวจเลือดอีกระยะหนึ่ง"

พลตรี สรรเสริญ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับไปยังกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานสาธารณสุขระดับท้องถิ่น ให้เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรค และเร่งรณรงค์สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของไวรัสซิกา และการป้องกันโรคที่ถูกต้องแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง รวมทั้งขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ระมัดระวังการนำเสนอข่าวที่อาจสร้างความแตกตื่นในสังคมด้วย

"ในพื้นที่ กทม. เมื่อพบผู้ป่วย เจ้าหน้าที่จะกำหนดพื้นที่เป้าหมายรัศมี 100 เมตร จากบ้านหรือที่ทำงานของผู้ป่วย เพื่อเร่งกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำภายใน 5 วัน และควบคุมโรคให้ได้ภายใน 14 วัน รวมทั้งออกกำจัดยุงทั้งในบ้านและนอกบ้านตั้งแต่วันแรกที่พบ และทำซ้ำทุกๆ 7 วัน ควบคู่กับการค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในละแวกใกล้เคียง จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีการระบาดของโรคแล้ว"

ทั้งนี้ โรคติดเชื้อไวรัสซิกา มียุงเป็นพาหะนำโรค ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ มีผื่นแดง เยื่อบุตาอักเสบ ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อและข้อ ซึ่งโดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะไม่รุนแรง และหายเองได้ภายใน 2-7 วัน แต่การติดเชื้อนี้อาจส่งผลต่อหญิงตั้งครรภ์ เพราะจะทำให้ทารกมีอาการสมองอักเสบ และกะโหลกศีรษะมีขนาดเล็กผิดปกติ อย่างไรก็ตาม หากพี่น้องประชาชนเริ่มมีอาการดังกล่าว หรือเจ็บป่วยรุนแรงต่อเนื่อง ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที