posttoday

เจ้าหนี้รายย่อยคลองจั่นฯร้องดีเอสไอค้านถอนอายัดทรัพย์ของกลาง

14 กรกฎาคม 2560

เจ้าหนี้รายย่อยสหกรณ์คลองจั่นฯหวั่นไม่ได้คืนทรัพย์ร้องดีเอสไอค้านถอนอายัดทรัพย์ของกลางหลังผู้บริหารสหกรณ์คลองจั่นนำคำสั่งศาลเพ่งมายื่นขอถอนอายัดฯ ด้านดีเอสไอรับพิจารณา

เจ้าหนี้รายย่อยสหกรณ์คลองจั่นฯหวั่นไม่ได้คืนทรัพย์ร้องดีเอสไอค้านถอนอายัดทรัพย์ของกลางหลังผู้บริหารสหกรณ์คลองจั่นนำคำสั่งศาลเพ่งมายื่นขอถอนอายัดฯ ด้านดีเอสไอรับพิจารณา

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธรรมนูญ อัตโชติประธานชมรมคุ้มครองสิทธิสมาชิกเจ้าหนี้รายย่อยสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นนำผู้เสียหายเข้ายื่นหนังสือคัดค้านการถอนอายัดทรัพย์ของกลางตามที่ผู้บริหารสหกรณ์ฯนำคำสั่งศาลเพ่งมาบังคับให้ดีเอสไอถอนอายัดทรัพย์ของกลางซึ่งส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์  โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษเป็นผู้รับเรื่องดังกล่าว

นายธรรมนูญ กล่าวว่า ตนและผู้เสียหายจากคดีฉ้อโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นฯอยากขอให้ดีเอสไอช่วยติดตามทรัพย์คืนเพื่อนำมาเฉลี่ยคืนเจ้าหนี้รายย่อย เนื่องจากที่ผ่านพบว่าทรัพย์สินที่ดีเอสไอและสำนักป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ตรวจสอบพบมีมูลค่ากว่า 3,811 ล้านบาทแต่ผู้บริหารสหกรณ์ฯกลับไปทำยอมความรับคืนเงินเพียง 321 ล้านบาทซึ่งจะทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับการเฉลี่ยทรัพย์คืนพร้อมทั้งข้อสังเกตว่าผู้บริหารสหกรณ์ฯยื่นฟ้องในทางแพ่งและจะได้รับชำระเพียงมูลค่าความเสียหายและยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการติดตามทรัพย์และค่าทนายความ 3 เปอร์เซ็นต์โดยคำนวณจากมูลค่าทรัพย์  3,811 ล้านบาท จะเป็นค่าทนายจำนวน 114 ล้านบาทหากให้ดีเอสไอและปปง.ดำเนินคดีและติดตามทรัพย์ในคดีฟอกเงินจะสามารถเรียกคืนทรัพย์สินที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษรและพวกยักยอกและฟอกเงินได้พร้อมกับดอกผลโดยไม่ต้องจ่ายค่าทนายความ

นายธรรมนูญกล่าวอีกว่าการยอมความกับนายศุภชัยที่เคยทุจริตและยักยอกจนนำไปสู่การขอถอนคดีโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายในคดีอื่นๆซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีอีกจำนวนมากจนศาลยกคำร้องไม่ให้ถอนคดีแต่ก็ยังมีความพยายามเดินหน้าขอถอนคดีในชั้นฏีกาอีกปัจจุบันกรรมการสหกรณ์ที่เคยร่วมทีมกับอดีตประธานสหกรณ์ฯที่ร่วมกันฉ้อโกงก็ยังคงทำงานตามปกติจึงส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการบริหารงานของสหกรณ์ในช่วงที่มีการฟื้นฟูกิจการในคดีเพ่งศาลสั่งให้นายศุภชัยชดใช้ค่าเสียหายให้กับสหกรณ์ 3,811ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ขณะที่ความเสียหายของสหกรณ์มากกว่า10,000 ล่านบาท โดยนายศุภชัยนำไปซื้อที่ดินแล้วโอนให้คนอื่นถือครองแทนซึ่งเป็นการฟอกเงิน

“กรณีนี้หากมีนายทุนนำเงินมาชำระคืน 3,811 ล้านบาทเพื่อถอนอายัดของกลางก็จะได้ที่ดินคืนกลับไปเพราะปัจจุบันที่ดินดังกล่าวมูลค่าสูงกว่าราคาซื้อขายในปีที่เกิดปัญหาการยักยอกดังนั้นหากยอมให้มีการถอนอายัดจึงเกรงว่าลูกหนี้รายย่อยจะไม่ได้รับคืนความเสียหายเลย”นายธรรมนูญกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชมรมคุ้มครองสิทธิสมาชิกเจ้าหนี้รายย่อยสหกรณ์ฯได้ทำป้ายผ้าระบุข้อความว่าทรัพย์ 3,811 ล้านบาท คดีฟอกเงินแต่ไปฟ้องแพ่งรับคืนเงินต้นที่เสียหายไม่สนใจดอกผลแบบนี้ใครได้ประโยชน์อ้างว่า ศุภชัยโกง ทำเสีย หายแต่สหกรณ์ฯไปยอมความถอนคดีให้ศุภชัยทำไมฟ้องคดีแพ่งตามคืน 1,000 ล้านบาท แต่ยอมความรับ 321 ล้านบาทแล้วจะอธิบายให้ประชาชนและผู้เสียหายอย่างไรแบบนี้จะให้ไว้วางใจได้อีกหรือ ดีเอสไอ ปปง.ตามทรัพย์มีดอกผลและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย 3 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่สหกรณ์ตามทรัพย์ยอมความไม่มีดอกผล มีค่าทนาย 3 เปอร์เซ็นต์ และผู้เสียหายจะเหลืออะไร

ด้านพ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่าจากนี้จะนำคำร้องของกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ไปเสนอให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาเนื่องจากในคดีนี้มีคำสั่งศาลเรื่องการถอนอายัดของกลางหากผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไรก็พร้อมจะแจ้งให้ผู้ร้องรับทราบต่อไป