posttoday

คสช.สรุป7วันสงกรานต์ยึดรถเมาขับกว่า8พันคัน-ดำเนินคดีเกือบ5แสนคน

19 เมษายน 2560

คสช.สรุปมาตรการ "ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ" สงกรานต์60 เผยยอดยึดรถ 8,128 คัน ส่งดำเนินคดีเกือบ 5 แสนคน แจ้งเจ้าของรับรถคืนตามนัดหมาย

คสช.สรุปมาตรการ "ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ" สงกรานต์60 เผยยอดยึดรถ 8,128 คัน ส่งดำเนินคดีเกือบ 5 แสนคน แจ้งเจ้าของรับรถคืนตามนัดหมาย

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ครบ 7วันของระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรการ "ดื่มไม่ขับจับยึดรถ"ในเทศกาลสงกรานต์ปี 2560 คสช.ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ได้ร่วมกันทำงานดูแลประชาชนได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านการอำนวยการจราจร ดูแลเรื่องความปลอดภัย รวมถึงการบริการประชาชน ซึ่งนับเป็นการทำงานที่ทุ่มเท เพื่อส่งผ่านความห่วงใยของภาครัฐไปยังประชาชนได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ขอขอบคุณประชาชน โดยเฉพาะผู้ใช้เส้นทางที่ตั้งใจปฏิบัติตามกฏจราจรด้วยตระหนักถึงความปลอดภัย จึงขอให้ได้ดำรงความต่อเนื่องในการปฏิบัติตัวดังกล่าวในทุกโอกาส

สำหรับสถิติในวันที่ 18 เม.ย. ซึ่งเป็นการดำเนินการวันสุดท้าย มีดังนี้ รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 42,710 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถไว้ 500 คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 29,203 คน

รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 32,816 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบอนุญาตขับขี่ไว้ 481ใบ ยึดรถยนต์ 116คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 18,298 คน

โดยตลอด 7วัน ของเทศกาลสงกรานต์ที่เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามมาตรการ " ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ " ระหว่าง 12-18 เม.ย. นั้น สรุปสถิติที่เกิดขึ้นในภาพรวมดังนี้ กระทำความผิดในส่วนรถจักรยานยนต์ 430,867 ครั้ง รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ 354,100  ครั้ง  เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับไว้แล้ว 8,128  คัน แยกเป็นจักรยานยนต์ 6,177  คัน และรถยนต์ 1,951  คัน และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รถจักรยานยนต์ 279,351  คน  รถโดยสารสาธารณะ/ รถยนต์ส่วนบุคล 198,927 คน

สำหรับรถที่ควบคุมไว้นั้น เจ้าหน้าที่ได้ดูแลและจัดหาสถานที่เก็บรักษาไว้อย่างเหมาะสม โดยผู้เป็นเจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับคืนได้ตามเวลาที่กำหนด

"การดูแลประชาชนและสร้างความปลอดภัยในการสัญจรในช่วงวันหยุดต่อเนื่องและเทศกาลสำคัญตามมาตรการดื่มไม่ขับจับยึดรถที่ คสช.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนให้การตอบรับและสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพราะเห็นถึงประโยชน์และผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับในด้านความปลอดภัย ทั้งนี้คสช.จะยังคงสานต่อการดูแลประชาชนตามมาตรการดังกล่าว เพื่อสร้างความปลอดภัยสาธารณะให้เกิดขึ้นในสังคมไทยต่อไป"พันเอกหญิง ศิริจันทร์กล่าว