posttoday

รุมค้านเพิ่มสลาก10ล้านฉบับไม่แก้ปัญหาไม่ตรงจุด

25 ธันวาคม 2559

สนช.มณเฑียรค้านเพิ่มสลาก10ล้านฉบับแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ด้าน“มูลนิธิหยุดพนัน”ชี้ไม่ช่วยแก้สลากแพง ขณะเยาวชนหวั่น พ.ร.บ.สลากฉบับใหม่ หายเข้ากลีบเมฆ

สนช.มณเฑียรค้านเพิ่มสลาก10ล้านฉบับแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ด้าน“มูลนิธิหยุดพนัน”ชี้ไม่ช่วยแก้สลากแพง ขณะเยาวชนหวั่น พ.ร.บ.สลากฉบับใหม่ หายเข้ากลีบเมฆ

เมื่อวันที่ 25ธ.ค.59 นายมณเฑียร บุญตัน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เปิดเผยกรณี สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เตรียมเพิ่มปริมาณการพิมพ์สลากเข้าสู่ระบบอีก10ล้านฉบับ เริ่มตั้งแต่งวดวันที่30ธ.ค.59นี้ แสดงว่ามาตรการจับกุมควบคุมราคาที่ผ่านมาใช้ไม่ได้ผล สำนักงานสลากฯจึงนำเทคนิคเดิมๆออกมาใช้อีก เพื่อหวังผลทางการตลาด วางเป้าหมายเพื่อหารายได้เข้ารัฐ ผ่านการพึ่งพาผู้ค้ารายใหญ่ กินกันเป็นทอดๆ การแก้ปัญหาต่างๆจะไม่มีวันจบสิ้น ผลกระทบจะตกอยู่ที่ผู้ค้ารายย่อยเพราะปรับตัวไม่ทัน กลายเป็นแค่แรงงานหรือลูกจ้าง ส่วนผู้ค้ารายใหญ่ไม่เดือดร้อนเพราะมีทุน ขณะที่รัฐบาลก็รับทรัพย์ได้ประโยชน์เต็มที่โดยไม่มีความเสี่ยง เพราะเอาความเสี่ยงไปโยนให้ผู้ค้ารายย่อย อีกทั้งเป็นการซ้ำเติมมอมเมาประชาชน กลุ่มเสี่ยง หรือนักเสี่ยงโชค จะเพิ่มปริมาณการซื้อสลากมากขึ้น

“การเพิ่มสลากไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกจุด แม้จะช่วยลดราคาลงแต่ก็ทำได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น อีกไม่นานจะขายไม่ได้การตอบสนองจะลดลง สิ่งที่สำนักงานสลากฯทำครั้งนี้ จึงเป็นแค่การหาเงินให้รัฐ เป็นกลไกหาเงินให้คนรวย ซึ่งไม่สามารถควบคุมปัญหาที่เป็นอยู่ได้ ทั้งนี้ทางออกจึงไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะเรื่องสลากแพง แต่ต้องควบคุมตั้งแต่ต้นทางให้เกิดความสมดุล การคืนรายได้สู่สังคม ปรับเปลี่ยนจากสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นสลากเพื่อสังคม ต้องพิจารณาในทุกมิติ สร้างหลักประกันคุ้มครองให้กับผู้ค้ารายย่อย ลดการพึ่งพาผู้ค้ารายใหญ่ อย่างไรก็ตาม สลากต้องเป็นสินค้าควบคุมไม่ใช่สินค้าเสรี เพราะประชาชนจะตกเป็นเหยื่อของการพนัน ดังนั้นอย่าปล่อยให้เลยเถิดจนควาบคุมไม่ได้”นายมณเฑียร กล่าว

นายธนากร  คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า เข้าใจว่ารัฐบาลคงมีความจำเป็นอะไรบางอย่าง จึงเลือกวิธีการพิมพ์สลากเพิ่ม เพราะไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมาก สนง.สลากก็อ้างว่าเพื่อจะแก้ปัญหาสลากราคาแพง บทเรียนที่ผ่านมาชัดเจนว่าการพิมพ์สลากเพิ่มอาจช่วยให้ราคาสลากลดลงในระยะแรก แต่ไม่นานสุดท้ายก็จะกลับมาแพงอีกเหมือนเดิม เพราะต้องไม่ลืมว่าหลังจาก คสช.เข้ามาได้มีการพิมพ์สลากเพิ่มมาแล้วอย่างน้อยสองครั้ง และมีผลทำให้ประเทศไทยมีสลากมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากเดิมก่อน คสช.เข้ามามีสลากจำหน่ายอยู่ 37ล้านคู่ เพิ่มมาเป็น50ล้านคู่เมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว และก็มาเพิ่มเป็น60ล้านคู่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้ราคาสลากตรึงอยู่ที่80บาทได้จริง และตอนนี้กำลังจะเพิ่มอีก8ล้านคู่ เบ็ดเสร็จผลงานของ คสช.คือ ทำให้สลากเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบเท่าตัวจาก37ล้านเป็น68ล้านคู่ และก็แก้ปัญหาไม่ได้อย่างยั่งยืนตามที่ประกาศนโยบายไว้    

“การเพิ่มจำนวนสลากจะทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างรุนแรงของผู้ค้ารายย่อย เราจะพบภาพผู้ค้าเร่ทั้งหลายรุกเข้าจำหน่ายสลากตามชุมชนต่างๆมากขึ้นอย่างแน่นอน การแข่งขันที่มากขึ้นนี้จะทำให้ผู้ค้ารายย่อยบางรายที่สู้ไม่ไหวต้องเลิกไป ขณะที่อีกจำนวนหนึ่งอาจเลือกวิธีนำสลากที่ตนเองได้มาไปขายต่อให้ปั๊ว ซึ่งจะมีอำนาจต่อรองมากเพราะสลากมีให้เลือกเยอะและด้วยเหตุที่ปั๊วมีทุนและมีโครงข่ายผู้ค้าสลากโยงใยกันอยู่ การพิมพ์สลากเพิ่มกลับยิ่งทำให้ต้องพึ่งระบบปั๊วมากขึ้น ยิ่งไปเพิ่มความแข็งแรงให้ปั๊ว และคาดว่าเราจะเห็นการรวมชุดสลากขายเป็นชุดใหญ่ๆได้มากขึ้น กลายเป็นว่าการแก้ปัญหาด้วยวิธีการนี้เป็นการปราบรายย่อยแต่เพิ่มความแข็งแรงให้รายใหญ่ ขณะที่ภาพของรัฐบาลและสำนักงานสลากก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นเสือนอนกิน เพราะทุกครั้งที่เพิ่มจำนวนสลากเท่ากับรัฐบาลและสำนักงานสลากจะได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นด้วยตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด”นายธนากร กล่าว  

ด้านนายณัฐพงศ์  สำเภาแก้ว  ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน กล่าวว่า ท่านนายกฯเคยพูดว่ารัฐบาลคสช.ไม่มีนโยบายจะส่งเสริมการพนัน แต่การแก้ปัญหาราคาสลากด้วยการเพิ่มจำนวนพิมพ์ จะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการเสี่ยงโชคมากขึ้นอย่างแน่นอน และการอ้างว่าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ช่วงปีใหม่ที่มีความต้องการสลากจำนวนมาก ก็ไม่มีหลักประกันอันใดที่จะลดจำนวนลงมาหลังจากงวดปีใหม่นี้ ปัญหาก็จะพันเป็นงูกินหางต่อไปไม่จบไม่สิ้น และที่สำคัญพ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล ฉบับแก้ไข ก็ยังไปถึงมือ สนช.ซึ่งหากต้องการผ่าตัดกันจริงๆ ต้องวางโครงสร้างให้ชัดเจนไว้ใน พ.ร.บ.เพื่อมิให้การแก้ปัญหาเป็นแบบลูบหน้าปะจมูก และในส่วนของกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม ที่ตั้งขึ้นมาแล้วตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา44ก็ยังไม่เห็นบทบาทที่ชัดเจนในการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะเรื่องสำคัญคือการลดการพนัน ซึ่งประชากรในกลุ่มเด็กและเยาวชน  คือส่วนที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากกองทุนนี้เลย การเข้าถึงกองทุน และการมีส่วนร่วมของประชาชนก็ยิ่งห่างไกล จนเกรงว่าจะเสียของ