พสกนิกรปักหลักนอนค้างสนามหลวงเพื่อรอถวายสักการะพระบรมศพ
ประชาชนยังหลั่งไหลมาถวายสักการะพระบรมศพและแสดงความอาลัย บางส่วนนอนค้างสนามหลวงเพื่อรอต่อคิวเป็นคนแรกๆ
โดย...กองทรัพย์ ชาตินาเสียว, กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย
เข้าสู่วันที่ 10 ที่ชีวิตของชาวไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ภาพที่ชินตามาตลอด 9 วัน พสกนิกรจากทุกสารทิศต่างเดินทางมายังศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายสักการะพระบรมศพและแสดงความไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างเช่นวันนี้ หน้าประตูวิเศษไชยศรีเนืองแน่นไปด้วยประชาชนผู้จงรักภักดี
เวลา 7 โมงเช้า แถวประชาชนที่รอเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพยาวสุดลูกหูลูกตา จนมีคำถามว่า คนแถวหน้าสุดมาถึงกี่โมง ยุพิน บุญบวร วัย 59 ปี เดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 21 ต.ค. ตั้งใจมาเป็นส่วนหนึ่งในการขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยได้นอนค้างคืนที่สนามหลวงคืนก่อนหน้า แม้จะเป็นลมด้วยโรคประจำตัวและสลบไปเกือบ 2 ชั่วโมง ด้วยสภาพอากาศร้อนจัดสลับกับฝน แต่ป้ายุพินยังเลือกปักหลักนอนค้างที่สนามหลวงตามที่ตั้งใจไว้
“วันแรกป้าเข้าลงนามแสดงความไว้อาลัยไม่ทันเพราะคิวยาวมาก เลยตัดสินใจนอนค้าง มานอนจองที่ตั้งแต่ 4 ทุ่มเมื่อคืน และ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ต.ค.ก็ได้อยู่แถวหน้าจริงๆ”
ยุพิน บุญบวร
ณัฐพัชร์ ชนะสิทธิ์ ชาวบ้านจาก จ.พัทลุง นั่งรถไฟฟรีมากรุงเทพฯ เมื่อ 2 วันก่อน เธอเดินทางมาแสดงความไว้อาลัยโดยลำพัง และได้นอนจองที่ตั้งแต่เมื่อคืนก่อน เธอว่าไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้สึกถึงอันตราย เพราะเธออยู่บนแผ่นดินของพ่อ “ทำความดีไม่รอใคร ถ้าเราพร้อมเราก็มา มาเพื่อพ่อ มาหาพ่อ นาทีนี้เมืองไทยปลอดภัยที่สุดแล้ว ความรักของพ่อคุ้มครองเราอยู่ แม้ว่าจะนอนกลางดินกินกลางทรายก็ไม่กลัว” เธอจะนั่งรถไฟกลับคืนนี้ หลังจากได้เข้าไปลงนามที่ศาลาสหทัยสมาคม และจะกลับมาอีกครั้งปลายเดือน ต.ค. เพื่อถวายสักการะพระบรมศพ
ณัฐพัชร์ ชนะสิทธิ์
กรนิภา ฉายารัตนพรกุล
อีกรายที่แถวหน้าสุด กรนิภา ฉายารัตนพรกุล วัย 43 ปี บอกว่า มาร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีแล้วไม่อยากกลับ “อยากอยู่ในบรรยากาศที่ประชาชนรวมใจกันทำเพื่อพ่อ ช่วงเวลาที่มีความรักมากมาย และได้เห็นมิตรภาพจากคนที่ไม่รู้จักกัน แต่จงรักภักดีเหมือนกัน มาเป็นเพื่อนกัน ช่วยเหลือกันเหมือนญาติพี่น้อง ต่อจากนี้ไปคนไทยต้องทำความดีถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้พระองค์ท่านทรงมีความสุขเมื่อทอดพระเนตรลงมา” กรนิภา กล่าวเสียงเครือ
ชายชรามาในรถเข็นเพียงลำพัง จำนงค์ พุทธโส วัย 73 ปี จาก จ.เพชรบุรี เดินทางโดยรถตู้แล้วได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทหารนำมาส่งยังกองอำนวยการป่อเต็กตึ๊งเมื่อคืนก่อน ได้จุดเทียนและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกับพี่น้องชาวไทย
“รู้สึกตื้นตัน เมื่อคืนไม่กล้าหลับตา จะได้มาเป็นคิวแรกๆ ในหลวงเคยช่วยผมไว้หลายครั้ง เพชรบุรีโจรเยอะ บ้านผมถูกปล้น หลานชายถูกยิงตาย ผมต่อสู้กับคนร้าย ตัวเองถูกยิงที่ขา แต่ยิงคนร้ายตายไป 3 คน สุดท้ายต้องโทษจำคุก 25 ปี แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง จึงได้รับพระราชทานอภัยโทษให้เหลือ 8 ปี
ผมไปปลูกกระท่อมหาของป่าแถวเพชรบุรี และมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ เมื่อครั้งเสด็จฯ ส่วนพระองค์ที่แก่งกระจาน ตอนนั้นลุงอายุ 28 ปี พระองค์ได้รับสั่งกับลุงอยู่เจ็ดแปดคำว่า จงขยัน มีน้อยใช้น้อย อย่าฟุ่มเฟือย อย่าไปเบียดเบียนใคร ถ้าใครทำเรา ก็ปล่อยไปตามเพลง แล้วท่านก็แย้มพระสรวล” ลุงจำนงค์ก้มกราบพระบาทด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เช่นวันนี้ลุงตั้งใจมาอธิษฐานจิตน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย
จำนงค์ พุทธโส
ท่ามกลางแสงแดดจัดจ้าของท้องสนามหลวงอันกว้างใหญ่ หากคับคั่งไปด้วยผู้คนมากมาย ประชาชนจำนวนหนึ่งนั่งอยู่กลางสนามหลวง เพื่อเฝ้ามองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อย่างไม่ห่างสายตา
พวงผกา รุ่งเรืองศรี วัย 53 ปี แม่บ้านจาก จ.นครราชสีมา เดินทางมากับหลานชายวัย 2 ขวบ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 โดยที่ยังไม่ได้เข้าไปลงนามแสดงความไว้อาลัย
“วันแรก (14 ต.ค.) ที่เขาเปิดให้ประชาชนเข้าไปสักการะ ป้ามายืนต่อแถวแต่ไม่ได้เข้าไป เพราะหมดเวลาเสียก่อน จึงไปยืนไหว้ที่กำแพงวัง เมื่อคืนก็มีโอกาสจุดเทียนและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เรามานอนก็อุ่นใจเพราะได้อยู่ใกล้ท่าน พอสิ้นพระองค์ท่าน เราคิดว่าต่อไปเราจะอยู่ยังไง มันจุกอยู่ในอก พูดไปแล้วก็มีแต่น้ำตา ตั้งแต่เกิดมาก็ผูกพัน มีท่านเป็นผู้ปกครอง บ้านเมืองสงบสุข ถึงแม้ว่าคนไทยจะเคยแตกแยก แต่วันนี้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรามีบุญวาสนาที่ได้เกิดเป็นคนไทย ป้าอธิษฐานว่าชาติหน้าจะขอเกิดเป็นดินเป็นหญ้าให้พระองค์ท่านเหยียบก็พอ” พวงผกา สะอื้นไห้
พวงผกา รุ่งเรืองศรี
เอนก เขื่อนแก้ว ชาวลำปางที่มาค้างแรมที่สนามหลวง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความจงรักภักดี “ลุงมาอยู่ที่สนามหลวง 3 วัน 3 คืนแล้ว เห็นเขาต่อคิวเพื่อเข้าไปในวังเยอะทุกวัน ลุงเลยขอรออยู่ข้างนอก กราบไหว้ท่านด้วยหัวใจอยู่ตรงไหนก็เหมือนกัน เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว เคยเฝ้าฯ รับเสด็จที่ จ.เชียงใหม่ ลุงซาบซึ้งและยังจำภาพเหล่านั้นได้จนถึงวันนี้ ท่านปกครองและดูแลประเทศนี้เป็นอย่างดี ใครๆ ก็รักท่าน ผมรักท่าน” ลุงเอนก กล่าวทิ้งท้าย
เอนก เขื่อนแก้ว