posttoday

"ภริยานายกฯ" ชูศักยภาพสตรีเป็นพลังสังคมที่ยิ่งใหญ่

08 มีนาคม 2559

วันสตรีสากล “ภริยานายกฯ” ชูศักยภาพสตรีเป็นพลังสังคมที่ยิ่งใหญ่ ช่วยงานเคียงข้างบุรุษสู่ความสำเร็จ

วันสตรีสากล “ภริยานายกฯ” ชูศักยภาพสตรีเป็นพลังสังคมที่ยิ่งใหญ่ ช่วยงานเคียงข้างบุรุษสู่ความสำเร็จ

ที่บ้านมนังคศิลา วันที่ 8 มี.ค. เวลา 10.00 น. รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “วันสตรีสากล ประจำปี 2559” โดยมี ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวรายงานการจัดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2559 พร้อมกันนี้ได้รับเกียรติจากเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย ภริยาเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย และผู้แทนเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เข้าร่วมเป็นเกียรติ ณ ห้องประชุมบ้านมนังคศิลา ถนนหลานหลวง เขตดุสิต กรุงเทพฯ

รศ.นราพร กล่าวว่าในโอกาสสำคัญนี้ ขอชื่นชมพลังเข้มแข็งองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ในความมุ่งมั่นจัดงาน “วันสตรีสากล ประจำปี 2559 ” ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายอันดีของสตรีไทยกระตุ้นเตือนให้สังคมได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของสตรีอันเป็นพลังสังคมที่ยิ่งใหญ่ ไม่เฉพาะตามที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศเป็นวันสตรีสากลเท่านั้น และเชื่อมั่นว่าสตรีทุกคนมีศักยภาพ มีความรู้ มีความสามารถอยู่ในทุกวงการไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคการเมือง สื่อสารมวลชน ฯลฯ นอกจากนี้สตรียังมีบทบาทในฐานะแม่ของลูก ภรรยา ลูก ผู้นำในครอบครัว เป็นส่วนสำคัญของสถาบันครอบครัว ขณะเดียวกันสตรีก็ยังมีบทบาทสร้างรายได้การที่สตรีได้ทำหน้าที่เคียงคู่กับบุรุษมาโดยตลอด นับได้ว่าเป็นบุคคลที่มีศักยภาพ มีความสามารถ และเป็นที่ยอมรับของสังคมโดยทั่วไป อีกด้วย

ขณะที่ ดร.วันดี กล่าวว่าสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ประกอบด้วยองค์กรสมาชิก 203 องค์กร ในฐานะองค์กรหลักของสตรีทั่วประเทศได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของวันสตรีสากล จึงได้จัดงาน “วันสตรีสากล ประจำปี 2559” เพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ของสตรีที่ให้ได้มาซึ่งความเสมอภาค เท่าเทียมกันของสิทธิสตรีในระดับแรงงานจนถึงระดับบริหาร ตลอดจนเพื่อให้องค์กรสมาชิกในประเทศและเครือข่ายภาคีของสภาสตรีระหว่างประเทศที่สภาสตรีแห่งชาติฯ เข้าร่วม คือ ASEAN CONFEDERATION OF WOMENORGANISATION (ACWO) ได้มาร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างองค์กรเพื่อเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี อีกทั้งสร้างเครือข่ายในการบูรณาการเพื่อช่วยยกระดับความเป็นอยู่ สถานภาพ และสมรรถภาพของสตรีไทย ตลอดจนแสวงหาแนวทางที่จะขจัดปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาสตรีและเป็นประโยชน์ต่อสตรีและสังคมอันจะสร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติสืบไป

นอกจากนี้ในงานครั้งนี้ ได้จัดให้มีพิธีเชิญธงอาเซียนและองค์กรสมาชิก การเสวนาทางวิชาการ ในหัวข้อเรื่อง “พลังสตรีกับการพัฒนาอาเซียน” โดย เอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย ภริยาเอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย และผู้แทนเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย ร่วมการเสวนาทางวิชาการ ในหัวข้อเรื่อง “สตรีไทยกับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และมีผู้เข้าร่วมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 250 คน ประกอบด้วยองค์กรสมาชิกจากทั่วประเทศ ผู้แทนจากกลุ่มประเทศอาเซียน และคณะกรรมการจัดงาน