posttoday

กลุ่มเด็กไร้สัญญาชาติ-ลูกแรงงานข้ามชาติยังเข้าไม่ถึงการศึกษา

12 ตุลาคม 2558

เปิดทิศทางการจัดการศึกษาโลกอีก 15 ปีข้างหน้า ยูนิเซฟชี้กลุ่ม“เด็กไร้สัญชาติ-ลูกแรงงานต่างด้าว” ยังประสบปัญหาการเข้าถึงการศึกษา

เปิดทิศทางการจัดการศึกษาโลกอีก 15 ปีข้างหน้า ยูนิเซฟชี้กลุ่ม“เด็กไร้สัญชาติ-ลูกแรงงานข้ามชาติ” ยังประสบปัญหาการเข้าถึงการศึกษา

สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)จัดเสวนาวิชาการนานาชาติ “ทิศทางการจัดการศึกษาโลก สู่เป้าหมายการศึกษาปี 2030” โดย มี ศ.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม เป็นประธาน

ศ.ยงยุทธ เปิดเผยว่า เป้าหมายการจัดการศึกษาโลกในอีก 15 ปีข้างหน้าคือประชาชนทุกคนจะมีโอกาสอย่างน้อยได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานและการเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่ประเทศไทยยังมีปัญหาในกลุ่มชาวไทยภูเขา ลูกแรงงานต่างด้าวที่ประเทศไทยยังต้องพึ่งพาเขา หรือลูกแรงงานที่ต้องย้ายถิ่นตามพ่อแม่ที่ไม่ได้รับการศึกษาเท่าที่ควรทั้งกัมพูชาและพม่า ซึ่งกองทุนการศึกษาโลกอาจมีส่วนช่วยในส่วนนี้รวมถึงการทำงานร่วมกันต่อไปในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากประสบการณ์ของกองทุนการศึกษาโลกที่ทำงานร่วมกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการยกระดับประสิทธิภาพการจัดสรรงบประมาณการศึกษา

ทั้งนี้ ทุกวันนี้เราจัดสรรงบประมาณแบบอุปทาน และจ่ายเงินถึง 1 ใน 5 ของงบประมาณแผ่นดินแต่ไม่ค่อยได้ผล สิ่งที่เราต้องการสนับสนุนจึงไม่ใช่เรื่องเงินทุน แต่ต้องการองค์ความรู้เชิงระบบและประสบการณ์นโยบายเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ จึงควรมีคณะทำงานที่จะร่วมมือกันโดยมีสสค.เป็นผู้ประสาน ซึ่งแม้เป็นหน่วยงานเล็ก แต่สามารถเคลื่อนที่เร็ว เป็นหน่วยประสานยุทธศาสตร์ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการศึกษาทุกฝ่ายในประเทศและในระดับนานาชาติ

นางเอพริล โกลเด้น เจ้าหน้าที่ภาคีสัมพันธ์ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก สำนักงานกองทุนการศึกษาโลก กล่าวว่า ทิศทางใหม่ของการจัดการศึกษาคือการเน้นการศึกษาที่มีคุณภาพและเรียนรู้ตลอดชีวิต จากเดิมที่เน้นสร้างโอกาสทางการศึกษาในโรงเรียน จึงมีการปรับเปลี่ยนแนวคิดโดยพยายามเข้าถึงเด็กทุกกลุ่มที่ด้อยโอกาส ปัญหาความเท่าเทียมของหญิงและชายในการเข้าถึงการศึกษา และต้องเป็นการศึกษาที่มีคุณภาพโดยเชื่อมโยงกับความต้องการของตลาดแรงงานจึงต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อรวบรวมข้อมูลถึงทักษะการทำงานที่ภาคเอกชนต้องการ รวมถึงกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีปัญหาการอ่านออกเขียนได้และการขาดทักษะใหม่ๆที่ตลาดต้องการให้กลับเข้ามาศึกษาต่อ

นางเอพริล กล่าวว่า การลดปัญหาช่องว่างการจัดการศึกษาของโลกให้แก่เด็กเยาวชนวัยเรียนอีกกว่า 124 ล้านคนทั่วโลกที่ยังขาดโอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่ สำนักงานกองทุนการศึกษาโลกจึงมีบทบาททั้งการสนับสนุนนวัตกรรมความรู้และงบประมาณให้แก่ประเทศต่างๆ  โดยมีเป้าหมายระดมทุนช่วยเหลือจากรัฐบาลประเทศและองค์กรต่างๆในรูปแบบหุ้นส่วนการทำงาน จำนวน 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.4 ล้านล้านบาททุกปี ตลอด 15 ปีข้างหน้า

นายฮิวส์ เดลานี ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า ทิศทางการจัดการศึกษาของไทยต้องดูว่าระบบการศึกษามีส่วนพัฒนาทักษะของเด็กและเยาวชนที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะทักษะที่จำเป็นในการทำงานในอนาคต ทั้งทักษะการสื่อสาร การแสดงออก จึงต้องดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายและนโยบายด้านการศึกษา