posttoday

'สภาทนายความ' ดำเนินคดีเอกชน-จนท.รัฐ ปมขนย้ายกากแคดเมียม

18 เมษายน 2567

วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ตั้งโต๊ะแถลง 6มาตรการช่วยเหลือประชาชนด้านกฎหมาย ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐ เอกชน ปมขนย้ายกากแคดเมียม

เมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ พร้อมคณะร่วมแถลงข่าว กรณีการขนย้ายกากแร่แคดเมียมจากหลุมฝังกลบที่จังหวัดตากไปยังพื้นที่ในเขตจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดชลบุรี และกรุงเทพมหานคร เพื่อแสดงจุดยืนการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ปกป้อง และเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน
 

ดร.วิเชียร นายกสภาทนายความกล่าวว่า ตามที่ได้ปรากฏข้อเท็จจริงและข้อสังเกตในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนต่าง ๆ เกี่ยวกับกรณีการลักลอบขนย้าย "กากเเคดเมียม" จากสถานที่ฝังกลบในจังหวัดตาก ไปยังพื้นที่โรงงานในตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร พื้นที่โกดังเก็บสินค้าในตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรีและพื้นที่โรงงานใน ซอยเรียงปรีชา ถนนประชาราษฏร์ แขวงและเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ก่อให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกำจัด การแจ้ง การอนุญาตขนย้ายกากแคดเมียม ซึ่งเป็นสารอันตรายจากพื้นที่ต้นทางไปยังพื้นที่ปลายทาง ข้อกังวลเกี่ยวกับปริมาณกากแคดเมียม ที่แจ้งขนย้ายจากต้นทางและปริมาณที่ตรวจพบในพื้นที่ปลายทาง จนถึงขณะนี้ยังคงมีปริมาณกากแคดเมียมที่ยังไม่พบหรือไม่ทราบที่ไปอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งข้อกังวลในมาตรการจัดการกากแคดเมียมที่ตรวจพบด้วยการขนย้ายกลับไปต้นทางที่จังหวัดตาก และข้อกังวลที่สำคัญคือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

สภาทนายความจะได้ดำเนินการ และขอเรียกร้องต่อหน่วยงานเกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้

1.แต่งตั้งคณะทำงานให้ความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย กรณีประชาชน และชุมชนได้รับผลกระทบจากการขุดและส่งต่อกากแร่แคดเมียมจากบ่อฝังกลบของโรงงานถลุงแร่สังกะสีในจังหวัดตาก ไปยังสถานที่อื่น ๆ

2.ดำเนินการเรียกร้องและดำเนินคดีตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมกับเจ้าของ หรือผู้ครอบครองมลพิษหรือแหล่งกำเนิดมลพิษ เช่น เจ้าของหรือผู้ครอบครองกากแคดเมียม เจ้าของหรือผู้ครอบครองโรงงานถลุงแร่ เจ้าของหรือผู้ขนส่งกากแร่ เจ้าของหรือผู้รับกากของเสีย และบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยต้องเยียวยาความเสียหายต่อสุขภาพ ร่างกายและจิตใจของประชาชนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

3.สภาทนายความฯ จะได้ดำเนินการเรียกร้องและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานรัฐที่อนุญาตให้ขนย้ายกากของเสียอันตรายจากบ่อฝังกลบภายในโรงงานถลุงแร่สังกะสี โดยไม่มีอำนาจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยต้องชดใช้เยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน

4.เรียกร้องให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจเลือดและปัสสาวะประชาชน  ชาวจังหวัดตาก และชุมชนที่อยู่รายรอบโรงงานถลุงแร่สังกะสี รวมถึงประชาชนในตำบลแม่กุ แม่ตาว พระธาตุผาแดง ที่ได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของแคดเมียมจากการทำเหมืองแร่สังกะสีของผู้ประกอบการ (บริษัทผาแดง อินดัสตรี จำกัด (มหาชน)) และพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดชลบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบว่ามีการเก็บหรือครอบครองกากแคดเมียม และประชาชนหรือชุมชนอื่นที่มีการเก็บหรือครอบครองกากแคดเมียม

5.เรียกร้องให้ภาครัฐให้ผลักดันและผ่านการออกกฎหมายเกี่ยวกับการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (PRTR – Pollutant Release and Transfer Register) เพื่อเป็นมาตรการให้ผู้ประกอบการต้องเปิดเผยข้อมูลการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการผลิตในโรงงาน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบที่มาของมลพิษใกล้ตัวที่อาจส่งผลต่อสภาพแวดล้อมที่ตนอาศัยอยู่ โดยมีหลักเกณฑ์ในการตรวจวัดมลพิษที่ชัดเจนที่ต้องรายงานต่อหน่วยงานเกี่ยวข้อง มาบังคับใช้โดยเร็ว และขอให้ตรวจสอบบ่อดักตะกอนแคดเมียมในพื้นที่ทำเหมืองสังกะสี และบ่อฝังกลบกากตะกอนแคดเมียมในบ่อฝังกลบภายในโรงงานว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) และเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบ

6.กากแคดเมียมที่เป็นกากของเสียอันตรายที่ตรวจพบในโรงงานต่างๆทั้งในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร ต้องนำไปกำจัดหรือฝังกลบในโรงงานที่มีใบอนุญาตประเภท 101 (โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม-Central Waste Treatment) (ฝังกลบกากของเสียอันตราย) เท่านั้น จะนำไปทำลายหรือฝังกลบที่อื่นไม่ได้ และเมื่อโรงงานถลุงแร่สังกะสีที่จังหวัดตากไม่ใช่โรงงานที่มีใบอนุญาตประเภท 101(โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม -Central Waste Treatment -ฝังกลบกากของเสียอันตราย) จึงไม่สามารถนำกากแคดเมียมที่เป็นกากของเสียอันตรายกลับมาฝังกลบในโรงงานได้ เว้นแต่จะได้ใบอนุญาต 101เสียก่อน แต่ใบอนุญาต 101ก็ต้องทำรายงานอีไอเอ และได้รับการอนุมัติอนุญาตเสียก่อน จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

ดร.วิเชียร กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ได้หารือกับนายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทราบว่าในส่วนคดีอาญาจะมอบหมายให้ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการส่วนที่เป็นคดีสิ่งแวดล้อมหรือคดีทางปกครองทางสภาทนายความจะรับดำเนินการ 

เรื่องการตรวจร่างกายชาวบ้านเเบบร้อยเปอร์เซ็นต์ วันนี้จะมีหนังสือถึงนิติวิทยาศาสตร์ขอให้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจร่างกายชาวบ้านอย่างครอบคลุม  ซึ่งตนหวังว่าจะมีการตรวจ ตามที่ร้องขอไปเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ มีผลกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชน จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง

หากชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงและได้ทราบข่าวนี้ก็ขอให้เดินทางมาน้องยังสามารถทนายความเพื่อทางสภาทนายความจะได้ดูแลดำเนินการฟ้องร้องคดีเหมือนเช่นปี 2553โดยไม่เกิน3วันสภาทนายความจะลงพื้นที่ ซึ่งเป็นนโยบายของตนที่ทำงานเชิงรุกอย่างที่ได้เคยประกาศไว้