posttoday

แอล.พี.เอ็น. ปี’60 ปรับตัวโตฝ่าปัจจัยลบ

12 ธันวาคม 2559

ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของแอล.พี.เอ็น.เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจและตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

โดย...โชคชัย สีนิลแท้ 

จากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้ทุกอุตสาหกรรมต่างต้องเร่งปรับตัว เพื่อประคับประคองให้สามารถอยู่รอดในระยะยาว โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่า ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นช่วงหน้าขายดี ที่จะผลักดันให้รายได้จากการขายและโอนเข้าเป้ามากที่สุด แต่ปีนี้ไม่เป็นไปตามเป้า

โอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยว่า ภาพรวมในไตรมาส 3-4 ของปีนี้ไม่เอื้อให้พัฒนาโครงการใหม่ หรือแม้แต่จะขายโครงการที่เดิมที่พัฒนาอยู่ก่อนหน้าก็ทำได้ยาก จากปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ หรือแบ็กล็อกอยู่ 3,000 ล้านบาท

“ปีนี้ยอดขายของบริษัทต้องยอมรับว่าพลาดเป้า ปกติแล้วต่อเดือนบริษัทจะมียอดขาย 600-700 ล้านบาท แต่เฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ยอดขายลดลงครึ่งหนึ่ง เนื่องจากบริษัทไม่ได้มีการเปิดขายโครงการใหม่”โอภาส กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทพยายามฝืนกระแสพยายามพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมกระจายออกไปทำเลรอบนอก เพื่อจับตลาดระดับกลาง-ล่าง ระดับราคาขาย 4-5 หมื่นบาท/ตารางเมตร เนื่องจากที่ดินในเมืองมีราคาสูง ราคาขายเป็นหลักล้านบาทต่อตารางวา แต่เมื่อออกไปพัฒนาโครงการที่อยู่ชานเมือง สิ่งที่จะต้องเผชิญคือปัญหาหนี้ครัวเรือน รถยนต์คันแรก รวมไปถึงการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงิน ประเมินว่าโดยภาพรวมตลาดจะปรับตัวดีขึ้นช่วงปลายปี 2560 และจะเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นช่วงกลางปีเป็นต้นไป

สำหรับแผนการตลาดในปี 2560 นั้นบริษัทจะต้องเร่งยอดขายตั้งแต่ไตรมาสแรก โดยจะให้ความสำคัญกับการตลาดระดับกลาง-บน หันมาเน้นทำเลกลางเมืองมากขึ้น เนื่องจากได้ซื้อที่ดินในเมืองมากขึ้นอย่างเช่น โครงการย่านมักกะสันจากเดิมที่จะเปิดขายไตรมาส 4 ปี 2559 ก็ต้องเลื่อนเปิดการขายออกไปเป็นไตรมาสแรกของปีหน้า การขายจะทำการตลาดตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ระดับราคาขายโครงการคอนโดที่เปิดใหม่ของบริษัทนั้น ส่วนใหญ่จะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1 -1.5 แสนบาท/ตารางเมตร เป็นตลาดระดับกลางถึงกลางบนที่ถือว่ายังพอมีช่องว่างทางการตลาด

ขณะเดียวกัน ยังมีแผนจะพัฒนาโครงการที่มีระดับราคาขาย 5 หมื่นบาท/ตารางเมตร เสริมเข้ามา โดยบริษัทจะเปิดขายโครงการระดับ 1-1.5 แสนบาท/ตารางวา 5 โครงการ และโครงการระดับราคา 5 หมื่นบาท/ตารางเมตรขึ้นไปอีก จำนวน 4 โครงการ เช่น ที่บริเวณรัตนาธิเบศร์ ไทรม้า ซึ่งบางส่วนเป็นจะเป็นโครงการระยะสั้นที่ก่อสร้างและโอนภายในระยะเวลา 1 ปี ที่จะทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายและรับรู้รายได้รวดเร็ว โดยในปีหน้าการเปิดขายโครงการใหม่เฉลี่ย 8-10 โครงการ/ปี 

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับโครงสร้างการลงทุนของบริษัทในเครือคือ บริษัท ลุมพินี โปรเจค มาเนจเมนท์เซอร์วิส (แอลพีเอส) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ให้บริการด้านก่อสร้างแบบครบวงจร ที่จะใช้กลยุทธ์การบริหารงานแบบกรีนคอนสตรัคชั่น ที่ไม่ได้ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการใช้รูปแบบของกรีนดีไซน์ที่เน้นความอยู่สบาย ใช้งานได้จริง แต่ยังไม่ก้าวไปถึงการทำโซลาร์รูฟ เนื่องจากมองว่าขณะนี้ยังไม่คุ้มค่าหากจะลงทุนช่วงเวลานี้ แต่จะได้ภาพดีจากการนำโซลาร์เซลล์มาใช้ภายในโครงการ พร้อมกันนี้ยังมีแผนจะให้ออกไปรับบริหารงานชุมชนภายนอกมากขึ้น ซึ่งไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นโครงการของ แอล.พี.เอ็น.อีกต่อไปที่ถือเป็นจุดแข็ง ซึ่งถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานครั้งใหญ่ที่เป็นการไดเวอร์ซิฟายธุรกิจให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

“ปีหน้าถือเป็นการปรับเปลี่ยนธุรกิจครั้งใหญ่ของ แอล.พี.เอ็น.เปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจต่างๆให้มีคล่องตัวและทำงานได้หลากหลายมากขึ้นไม่จำกัดตัวเองว่าจะต้องทำงานเฉพาะภายในบริษัทแต่เพียงอย่างเดียว จะต้องออกไปรับงานจากภายนอกบริษัทได้อย่างเช่น การรับบริหารชุมชนก็ถือว่าเป็นจุดแข็งสำคัญของเรา” 

นี่ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของแอล.พี.เอ็น.เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจและตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว