posttoday

มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ปลุกตลาดปี’58โต 10%

26 ตุลาคม 2558

ประเมินมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ปลุกความเชื่อมั่น-กระตุ้นกำลังซื้อ ส่งผลตลาดปี58 เติบโต 10%

โดย...ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประเมินการใช้มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะช่วยปลุกความเชื่อมั่น และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วง 6 เดือน-1 ปีนับจากนี้ได้ และจะช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 เติบโตได้ประมาณ 10% โดยในปี 2557 มีบ้านและคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่รวมกัน 1.18 แสนหน่วย ขณะที่ 3 ไตรมาสของปี 2558 มีบ้านและคอนโดมิเนียมเปิดขายรวม 7.5 หมื่นหน่วย

สัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยดึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมา และยังก่อให้เกิดการใช้จ่ายเม็ดเงินแบบทวีคูณ (Multiplying Effects) ตามมา เช่น การซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ในบ้าน รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยหลังแรก ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดที่อยู่อาศัยปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปี 2559

“รัฐต้องการใช้มาตรการแค่พอประมาณ เนื่องจากธุรกิอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้อยู่ในขั้นวิกฤต โดยมาตรการจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในช่วงเวลาหนึ่ง เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมี Multiplying Effects 3-4 เท่า”

ขณะที่สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ภาพรวมยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ตลอด 3 ไตรมาส 205 โครงการ รวม 3.2 หมื่นหน่วย เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน บ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ 203 โครงการ รวม 3.55 หมื่นหน่วย แม้จำนวนโครงการใกล้เคียงกัน แต่จำนวนหน่วยลดลง 9.8%

ในส่วนของบ้านจัดสรรที่เปิดขายใหม่ใน 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นทาวน์เฮาส์ 58% อีก 28% เป็นบ้านเดี่ยว ที่เหลือเป็นบ้านแฝด หรืออาคารพาณิชย์ โดยบ้านจัดสรรที่เปิดขายไม่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทเลย ทั้งนี้ 52% อยู่ในระดับราคา 1.1-3 ล้านบาท สัดส่วน 27% ราคา 3.1-5 ล้านบาท และ 21% ราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ประเภทห้องชุด รวม 3 ไตรมาสแรก เปิดขายใหม่ 105 โครงการ 4.37 หมื่นหน่วย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 ที่มีโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่ 107 โครงการ รวม 4.87 หมื่นหน่วย โดยจำนวนหน่วยลดลง 10.3% ส่วนใหญ่หรือ 63% อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เหลือเป็นปริมณฑล

ทั้งนี้ สัดส่วนของห้องชุดราคาแพงกว่า 5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 9% ในปี 2557 เป็น 16% ใน 3 ไตรมาสแรกปีนี้ (แต่ลดลงจาก 21% เมื่อสิ้นสุดครึ่งปีแรกปีนี้) เพราะมีห้องชุดราคาแพงเปิดขายมากในไตรมาสแรกต่อเนื่องต้นไตรมาส 2 ขณะที่สัดส่วนห้องชุดราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ก็ลดลงจาก 53% ในปี 2557 เป็น 39% ใน 3 ไตรมาสแรกปีนี้

ใน 3 ไตรมาสแรกที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมเปิดตัวลดลง 10% เนื่องจากผู้ประกอบการชะลอการลงทุนในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งมาตรการที่ออกมาจะเป็นตัวเร่งในการระบายสต๊อกช่วยให้ตลาดปรับสู่ภาวะสมดุลได้ในปีหน้า