posttoday

ตรวจตราวัสดุหมดอายุ

29 มิถุนายน 2560

มาสำรวจวัสดุอุปกรณ์ในบ้านว่ายังอยู่ดีหรือไม่ อะไรที่ต้องซ่อมจะได้ซ่อม อะไรที่ต้องเปลี่ยนจะได้เปลี่ยน

สิ่งต่างๆ ล้วนมีอายุขัย หากรอซ่อมแซมพร้อมกันก็อาจสายเกินแก้ “บ้านและสวน” ชวนให้สำรวจวัสดุอุปกรณ์ในบ้านว่ายังอยู่ดีหรือไม่ อะไรที่ต้องซ่อมจะได้ซ่อม อะไรที่ต้องเปลี่ยนจะได้เปลี่ยน เพื่อให้บ้านแสนรักไร้ปัญหารำคาญใจและอยู่คู่กับเราไปได้นานๆ

  • กาวยาแนว (อายุใช้งานเฉลี่ย 8-10 ปี)
การเสื่อมสภาพมี 2 ลักษณะคือ เสื่อมก่อนนำมาใช้ เพราะกาวยาแนวจะอยู่ได้แค่ประมาณ 1 ปี หากไม่นำมาผสมใช้ อีกลักษณะคือ การเสื่อมสภาพตามอายุของกาวยาแนว เมื่อถึงเวลาหมดอายุ กาวยาแนวจะเริ่มหลุดล่อน ให้เลาะกาวที่เสื่อมสภาพออก แล้วจึงฉาบกาวยาแนวลงไปในร่องกระเบื้องเสียใหม่ หากปล่อยไว้ ความชื้นอาจเข้าไปในร่องและทำให้กระเบื้องหลุดล่อนได้ ทั้งนี้ กาวยาแนวอาจหมดอายุเร็วกว่าปกติหากใช้น้ำยาล้างห้องน้ำผิดประเภท หรือจากความชื้น น้ำขัง

  • ระบบประปา (อายุใช้งานเฉลี่ย 50 ปี)
ระบบประปาและท่อน้ำต่างๆ ในบ้านมักซ่อนอยู่ใต้อาคาร หรือเดินไว้ในผนัง หากเกิดรั่วซึมก็ยากที่จะเห็น จึงต้องสังเกตจากบิลค่าน้ำที่มากกว่าปกติ และลองปิดก๊อกทั้งหมดในบ้าน เพื่อตรวจดูมิเตอร์ว่ายังวิ่งหรือไม่ หากน้ำยังไหลอยู่ ก็ลองหาดูจุดที่รั่วซึม นอกจากการเสื่อมสภาพของวัสดุ การรั่วซึมอาจเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น รากต้นไม้แทงแนวท่อจนข้อต่อแตกรั่วซึม หรือการกระทบกระเทือนจากพื้นที่ก่อสร้าง ก็อาจทำให้ระบบประปาแตกและรั่วซึมได้เช่นกัน

  • กระเบื้องปูพื้น (อายุใช้งานเฉลี่ย 10 ปี)
ส่วนใหญ่แล้วการหลุดล่อนของกระเบื้องเกิดจากปูนกาวที่ใช้ปูกระเบื้องเสื่อมสภาพจากความร้อนสะสม หรือความชื้นจากการที่อากาศไม่ถ่ายเท หรือโดยอายุของปูนกาวเองที่หมดสภาพ เป็นผลให้ปูนที่ทำหน้าที่ยึดเกาะแผ่นกระเบื้องไว้กับพื้นหลุดล่อน ในบางกรณีที่พื้นมีการเปลี่ยนรูปก็ทำให้กระเบื้องแตกหลุดล่อนขึ้นมาได้ หากว่าเกิดการหลุดล่อนเพียงไม่กี่แผ่นก็ให้สกัดกระเบื้องที่มีปัญหาออก โบกปูนลงไปในช่องที่สกัดนั้น และติดตั้งกระเบื้องแผ่นใหม่ลงไปให้พอดี

ตรวจตราวัสดุหมดอายุ

  • ผ้าใบบังแดด (อายุใช้งานเฉลี่ย 5-7 ปี)
เมื่อใช้ไปนานเข้าก็จะกรอบแตก ให้เปลี่ยนแต่ตัวผ้าใบ เพราะโครงนั้นยังใช้ต่อไปได้อีกนาน ผ้าใบบังแดดมีให้เลือกหลายคุณภาพ ตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นต่อ ตร.ม. สิ่งที่แตกต่างกันคือเนื้อวัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศ การเสริมความแข็งแรงของเส้นใย และคุณลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น ชนิดที่โปร่งแสงหรือชนิดที่รับแรงดึงมากเป็นพิเศษ เป็นต้น จึงต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน

  • ซิลิโคนยาแนว (อายุใช้งานเฉลี่ย 5-10 ปี)
วัสดุที่คนชอบเรียกรวมๆ ว่า “ซิลิโคน” แท้จริงแล้วมีหลากหลายประเภท ทั้งชนิดอะครีลิคซึ่งเป็นที่นิยมและชนิดโพลียูรีเทนที่มีคุณภาพดีกว่า แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและวัตถุประสงค์ด้วย การเสื่อมสภาพมักเกิดกับแนวรอยต่อที่เป็นกรอบวงกบซึ่งใช้ซิลิโคนเพื่อกันน้ำ โดยน้ำจะรั่วซึมเข้ามาได้ การแก้ปัญหาไม่ควรอุดเฉพาะจุด แต่ควรรื้อแนวซิลิโคนเดิมออกเสียก่อน แล้วอุดเข้าไปใหม่ จะได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า

  • โครงสร้างคอนกรีต (อายุใช้งานเฉลี่ย 30-50 ปี)
หลายคนมองว่าโครงสร้างคอนกรีตมีความคงทนถาวร แต่ในความเป็นจริงแล้วก็มีวันหมดอายุได้ สังเกตจากรอยหลุดล่อนของเนื้อคอนกรีตและรอยปริแตกของโครงสร้างเสาคาน ซึ่งหากเกิดเป็นสนิมที่เหล็กภายในคอนกรีตโครงสร้าง คงต้องทุบทิ้งทำใหม่ แต่ถ้าดูแลดีๆ โครงสร้างคอนกรีตก็อาจอยู่ได้เป็นร้อยปี ทั้งนี้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น วิศวกร จะดีที่สุดสำหรับการประเมิน การเสื่อมสภาพจากร่องรอยต่างๆ ที่เกิดขึ้น

  • สีทาบ้าน (อายุใช้งานเฉลี่ย 5-10 ปี)
สีทาบ้านนั้นจะเริ่มเสื่อมสภาพจากชั้นป้องกันแสงยูวีก่อน หากไม่สังเกตความชื้นที่ไร้การป้องกันของผนังก็จะไม่รู้ว่าสีเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว รู้ตัวอีกทีสีก็ล่อนเป็นผงเสียแล้ว ทางที่ดีจึงควรทาสีใหม่ทุก 5 ปี หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการป้องกันแสงยูวีที่ดีไปเลย เพราะการทาสีบ้านทั้งหลังก็เป็นงานหนักไม่ใช่เล่น

  • พื้นไม้ปาร์เกต์ (อายุใช้งานเฉลี่ย 20-30 ปี)

อาการเสื่อมสภาพของพื้นไม้ปาร์เกต์มีหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่กาวที่ใช้ติดตั้ง การแก้ไขโดยทั่วไปให้รื้อเปลี่ยน ขูดกาว และติดตั้งใหม่ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องพื้นผิวไม้ที่เปลี่ยนไปเนื่องจากการใช้งาน ให้ลงแวกซ์ใหม่แล้วขัดให้เรียบ หากแผ่นไม้หลุดล่อนแค่บางส่วนก็ซ่อมไม่ยากด้วยวิธีข้างต้น แต่หากมีอาการบวมพองด้วยความชื้น หรือพื้นปาร์เกต์ระเบิดเพราะปูชิดกันเกินไป ก็ควรเรียกช่างมาจัดการซ่อมแซมจะดีกว่า แต่ไม่จำเป็นต้องรื้อทิ้งทุกครั้งไป

คอนเทนต์โดย บ้านและสวน