posttoday

โนเบิล-เอ็น.ซี.ลุยลงทุนใหม่

02 มีนาคม 2559

โนเบิล-เอ็น.ซี. มั่นใจตลาดบ้าน-คอนโดหรูยังมีดีมานด์ พร้อมเดินหน้าผุดโครงการใหม่

โนเบิล-เอ็น.ซี. มั่นใจตลาดบ้าน-คอนโดหรูยังมีดีมานด์ พร้อมเดินหน้าผุดโครงการใหม่

นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนใจกลางเมืองโดยเฉพาะทำเลสุขุมวิทตอนต้นนั้น ยังมีความต้องการซื้อที่ดี แม้ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ยังคงชะลอตัว โดยปีนี้บริษัทมีแผนเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ครึ่งปีแรก  2 โครงการ ที่เหลืออีก 2 โครงการจะเปิดขายในครึ่งปีหลัง ซึ่งทั้งหมดมีราคาขายไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท/ตารางเมตร (ตร.ม.)

“ไทยถือเป็นศูนย์กลางในอาเซียนที่มีต่างชาติเข้ามาทำงาน รวมไปถึงเข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้นในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากประเทศกลุ่มอาเซียนด้วยกันเอง เช่น เมียนมา ลาว กัมพูชา ได้เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์เพิ่มขึ้น บริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการนำโครงการออกไปทำตลาด เจาะกลุ่มเศรษฐีของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ จากก่อนหน้านี้กลุ่มเป้าหมายลูกค้าต่างชาติจะเป็นลูกค้าจากไต้หวัน สิงคโปร์ และฮ่องกงเป็นหลัก”นายกิตติ กล่าว

สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 7,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการโอนโครงการโนเบิล เพลินจิต จากปัจจุบันมียอดขายที่รอรับรู้รายได้อยู่ 2 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าใช้งบในการจัดซื้อที่ดินจำนวน 2,000 ล้านบาท/ปี ปัจจุบันมีที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการแล้ว 6 แปลง  ขณะที่ราคาที่ดินโดยเฉพาะในย่านใจกลางเมืองขยับขึ้นเฉลี่ย 15-20% ต่อปี ล่าสุดจะพบว่า มีการตั้งราคาเสนอขายที่ดินบริเวณถนนชิดลมสูงถึง 2.5 ล้านบาท/ตารางวา (ตร.ว.) แต่การซื้อขายยังไม่เกิดขึ้นจริง

ด้าน นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้เชื่อว่ายังขยายตัวได้อีก จากการที่ภาครัฐเร่งขยายการลงทุนระบบโครงข่ายคมนาคมจำนวนมาก โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟฟ้าใหม่ๆ ที่ขยายไปยังชานเมืองจะมีผลบวกต่อตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ส่งผลให้ปีนี้บริษัทจะเน้นการเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบเป็นหลักใน 3 ทำเล มูลค่ารวม 3,700 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการบ้านเดี่ยวราคา 5-15 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 2,600 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 2,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จะทำให้ตลาดโดยรวมยังไปได้ โดยปัจจุบัน เอ็น.ซี.ฯ มีสต๊อกบ้านและคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่จะพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ให้ทันมาตรการมูลค่า 600 ล้านบาท และมีสต๊อกอยู่ระหว่างก่อสร้างปัจจุบันมีประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนความคืบหน้าเรื่องผู้ร่วมทุนต่างชาติในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่พัทยาและเชียงใหม่นั้นยังอยู่ระหว่างการเจรจา