posttoday

11ทำเลฮอตรถไฟฟ้าดันราคาที่พุ่ง

23 สิงหาคม 2558

รถไฟฟ้าดัน 11 ทำเลทองทั่วกรุงราคาที่ดินพุ่งกระฉูด ชี้เขตเมืองชั้นกลางฮอตสุดๆ ราคาพุ่งปีละเท่าตัว

รถไฟฟ้าดัน 11 ทำเลทองทั่วกรุงราคาที่ดินพุ่งกระฉูด ชี้เขตเมืองชั้นกลางฮอตสุดๆ ราคาพุ่งปีละเท่าตัว

นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจทำเลการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยนำปัจจัยการก่อสร้างรถไฟฟ้า กฎหมายผังเมือง และสถานการณ์ตลาด มาเป็นตัวกำหนด พบว่ามี 11 ทำเลที่โดดเด่น ประกอบด้วย 1.ทำเลในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน ได้แก่ สีลม สาทร เพลินจิต สุขุมวิท 2.ทำเลถนนรัชดาภิเษก 3.ทำเลย่านพหลโยธิน หมอชิต บางซื่อ แยกลาดพร้าว

4.ทำเลลาดพร้าว เลียบทางด่วน 5.ทำเลจรัญสนิทวงศ์ บางหว้า เพชรเกษม 6.ทำเลบางใหญ่ บางบัวทอง 7.ทำเลแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด 8.ทำเลสะพานใหม่ คูคต ลำลูกกา 9.ทำเลมีนบุรี สุขาภิบาล 3 รามอินทราตอนปลาย 10.ทำเลอ่อนนุช บางนา แบริ่ง สมุทรปราการ และ 11.ทำเลรังสิต คลองหลวง

ทั้งนี้ ใน 11 ทำเลสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 3 กลุ่ม ได้แก่ ทำเลเมืองชั้นใน อาทิ สีลม สาทร เพลินจิต สุขุมวิท ซึ่งเป็นทำเลที่มีที่ดินราคาแพงที่สุด แต่ยังมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการซื้อขายที่ดินในราคาสูงถึง 1.9 ล้านบาท/ตารางวา (ตร.ว.) ทำเลดังกล่าวจึงเหมาะที่จะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับบนและชาวต่างชาติ กลุ่มที่ 2 เป็นทำเลเขตเมืองชั้นกลางที่เชื่อมต่อกับเมืองชั้นใน เช่น ถนนรัชดาภิเษก พหลโยธิน หมอชิต บางซื่อ ลาดพร้าว อ่อนนุช บางนา แบริ่ง เป็นต้น ทำเลดังกล่าวจะเป็นย่านธุรกิจใหม่และแหล่งที่อยู่อาศัยของคนชั้นกลางที่กำลังขยายตัวอย่างน่าสนใจ

“ราคาเฉลี่ยของที่ดินในแนวรถไฟฟ้าขยับขึ้นปีละ 10-20% แต่สำหรับทำเลเขตเมืองชั้นกลางที่เชื่อมต่อกับเมืองชั้นในหลายพื้นที่มีราคาขยับขึ้นเป็นเท่าตัว อย่างเช่น ทำเลบางแค ราคาที่ดินขยับจาก 1 แสนบาท/ตร.ว. เป็น 2-3 แสนบาท/ตร.ว. ทำเลบางซื่อ เตาปูน ลาดพร้าว ราคาจาก 1 แสนบาท/ตร.ว. เป็น 3-4 แสนบาท/ตร.ว. ตั้งแต่ช่วงที่รถไฟฟ้าเริ่มก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน ราคาที่ดินขึ้นถึงปีละเท่าตัว แต่ราคาจะชนเพดานที่ไม่เกิน 5 แสนบาท เหมือนอ่อนนุชที่ปัจจุบันราคา 4-5 แสนบาท/ตร.ว.” นายวสันต์ กล่าว  

ขณะที่ทำเลนอกเมือง เช่น รังสิต ลำลูกกา บางใหญ่ บางบัวทอง มีนบุรี มีทั้งราคาขยับขึ้นและยังทรงตัว ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า เช่น ทำเลบางใหญ่ ราคาเคยอยู่ที่ 5 หมื่นบาท/ตร.ว. ในช่วงที่รถไฟฟ้าก่อสร้าง ปัจจุบันราคาขึ้นไปถึง 2-2.5 แสนบาท/ตร.ว. แต่ทำเลรังสิต ลำลูกกา มีนบุรี ราคายังทรงตัว เพราะรถไฟฟ้าสายสีแดง รังสิต-บางซื่อ ยังไม่คืบหน้ามากนัก ดังนั้น การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุนในทำเลเมืองชั้นกลางมีความน่าสนใจที่สุด เพราะราคายังมีช่องว่างที่จะขยับขึ้นได้อีก

นายวสันต์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดที่ยังน่าลงทุน คืออสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยว เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ระเบิดมาไม่นาน แต่เชื่อว่าไม่เกิน 6 เดือนนักท่องเที่ยวจะกลับมาเที่ยวตามปกติโดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้เร็ว

นอกจากนี้ เมืองท่องเที่ยวที่กำลังขยายสนามบินจะยิ่งมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เช่น ภูเก็ต พัทยา (สนามบินอู่ตะเภา) หรือเกาะพะงันที่มีการลงทุนสร้างสนามบินโดยเอกชน เป็นต้น ขณะเดียวกันเมืองที่มีแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น จังหวัดที่จะจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ เมืองที่รถไฟทางคู่วิ่งผ่าน จะเป็นเมืองที่มีการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตเช่นกัน