posttoday

"สุดารัตน์"ไม่มั่นใจเลือกตั้งตามโรดแมป ชี้สุดท้ายก็เลื่อน

23 กันยายน 2560

"สุดารัตน์"ไม่มั่นใจมีเลือกตั้ง ระบุโรดแมปเลื่อนตลอด มั่นใจ"เพื่อไทย"คนเก่งเยอะไม่มีปัญหาไร้ผู้นำพรรค ด้าน "องอาจ" คาดเดือนพ.ย. 61 ได้เข้าคูหาลงคะแนน

"สุดารัตน์"ไม่มั่นใจมีเลือกตั้ง ระบุโรดแมปเลื่อนตลอด มั่นใจ"เพื่อไทย"คนเก่งเยอะไม่มีปัญหาไร้ผู้นำพรรค ด้าน "องอาจ" คาดเดือนพ.ย. 61 ได้เข้าคูหาลงคะแนน

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีงานสัมมนาเรื่อง "โรดแมปไทยไทย ไกลแค่ไหน หรือใกล้เลือกตั้ง?" โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย และนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าร่วม

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พูดยากว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะรัฐบาลประกาศหลายครั้งเกี่ยวกับโรดแมปการเลือกตั้งแต่สุดท้ายก็เลื่อน การเลือกตั้งจะเป็นไปตามระยะเวลาหรือไม่จะบอกได้หลังการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งเสร็จหรือกฎหมายลูก เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนอีกมาก

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)จะอยู่ยาวหรือไม่ ขอให้บอกให้ชัดเจน และเห็นว่าความยากลำบากอาจไม่ใช่ปัญหาของพรรคการเมือง แต่ต้องถามประชาชนว่าอะไรยากลำบากกว่ากันระหว่างมีเลือกตั้งหรือไม่มีเลือกตั้ง

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า  การที่ตนมีชื่อติดโพลว่าน่าจับตามองจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น คิดว่าเกิดจากตนทำงานมานานจึงมีชื่อในโพล

สำหรับปัญหาพรรคเพื่อไทยไม่มีตัวบุคคลมาเป็นแกนนำพรรคนั้น คิดว่าเราต้องหาแนวทางก่อนจะกำหนดหัวหน้าพรรค เราต้องทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องทำให้พรรคสนับสนุนการกินดีอยู่ดีของประชาชน และเมื่อเปิดประชุมก็ค่อยมาพูดคุยกันว่าใครจะเป็นผู้นำพรรค เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากพรรคมีคนที่มีความสามารถจำนวนมาก ตนเชื่อว่าการสู้กันด้วยนโยบายเป็นสิ่งที่ดีสุด ดีกว่าไปสู้กันด้วยเงินทอง แต่การต่อสู้แบบนโยบายก็ถูกตีความว่าเป็นแนวประชานิยมกันไปเอง

ด้านนายองอาจ กล่าวว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้น คงต้องถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านเองก็คงจะตอบไม่ได้เช่นกัน เพราะแต่ละครั้งที่ตอบคำถามต่อเรื่องดังกล่าวก็มีความสับสน จนส่งผลทำให้ทุกสิ่งในบ้านเมืองสับสนไปหมดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวคิดว่าหากไม่มีอะไรเป็นปัญหาในการจัดทำร่างกฎหมายลูก การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นประมาณเดือนพ.ย. ปี 61 และคิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปควรเคารพเสียงของประชาชน

นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนพรรคภูมิใจไทยพร้อมเลือกตั้งตลอดเวลา และตนมีประสบการณ์น้อยไม่สามารถฟันธงว่าแนวโน้นการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ การเลือกตั้งจะช้าหรือเร็วไม่ได้อยู่แค่รัฐบาลและคสช.เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับประชาชนด้วย หากพร้อมใจต้องการเลือกตั้งอะไรก็ฝืนไม่ได้ และเชื่อว่าแม้จะมีการยืดอายุรัฐบาลแต่จะทำได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตามปกติรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะมีอายุ 4 ปี ซึ่งรัฐบาลคสช.จะครบ 4 ปีในปีหน้า หรือเหลือระยะเวลาประมาณ 9 เดือนนับจากนี้ ถ้าทำไม่ดีก็จะมีกลไกบางอย่างสื่อว่าให้พอ ขณะเดียวกันหากจัดทำร่างกฎหมายลูกไม่เสร็จจะเป็นการสะท้อนถึงประสิทธิภาพบางอย่าง หากประเมินเลวร้ายที่สุดจะต้องมีเลือกตั้งปี 62 ถ้าไม่เกิดก็ตัวใครตัวมัน แต่เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์จะรักษาสัญญาเพราะเขาเป็นคนให้สัญญาเอง แต่ถ้ารักษาสัญญาไม่ได้ก็มีตัวอย่างให้เห็นว่ากดดันแค่ไหน

ด้านนายปริญญา กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในเดือนก.ย. ปี 61 แต่มีเรื่องน่าคิดว่าหากกฎหมายลูกฉบับใดฉบับหนึ่งไม่ผ่านจะทำอย่างไร ซึ่งในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ ดังนั้น หากคสช.ต้องการอยู่ต่อก็สามารถทำได้ โดยอย่างน้อยการจัดทำกฎหมายลูกใหม่อีกครั้งต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี แต่ทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับประชาชนว่าต้องการอย่างไร อีกทั้งเมื่อคสช.เป็นรัฐบาลครบ 4 ปี จะเกิดคนเปรียบเทียบ นอกจากนี้ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญชุดของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ในเรื่องการได้มาซึ่งส.ส.โดยการคิดคะแนนเสียงแบบใหม่นั้น เห็นได้ชัดว่าจะทำให้พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นพรรคใหญ่ได้ส.ส.น้อยลง และจะไปเพิ่มจำนวนให้กับพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก เช่น พรรคภูมิใจไทย อย่างนี่ก็ตั้งเป็นคำถามว่ามีเจตนาอย่างไร

นายปริญญา กล่าวต่อว่า ปัจจัยที่อาจทำให้คสช.อยู่ยาว มี 2 ข้อ คือ 1.ประชาชนยังรู้สึกว่าเมื่อมีการเลือกตั้งก็จะเกิดปัญหาเดิมๆในสภา เกิดม็อบ ดังนั้นอยู่แบบปัจจุบันดีกว่า และ2.ฝ่ายการเมืองแบบเลือกตั้งยังไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่  เพราะ10ปีที่ผ่านมาทะเลาะกันหนักไป ยังสร้างศรัทธากลับมาไม่ได้ ดังนั้น จึงขอเสนอว่า ให้พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ตั้งโต๊ะทำข้อตกลงร่วมกันว่าจากนี้ไปจะไม่ให้เหตุการณ์วุ่นวายก่อนหน้าวันที่ 22 พ.ค. เกิดขึ้นอีก หากแสดงให้ประชาชนเห็น เชื่อว่าเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปีหน้าแน่นอน