posttoday

นายกฯแจงรถไฟไทย-จีนดีเชื่อมประชาคมโลก

23 มิถุนายน 2560

นายกฯแจงข้อดีรถไฟไทย-จีนจำเป็นต้องเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคเชื่อมโยงกับประชาคมโลก

นายกฯแจงข้อดีรถไฟไทย-จีนจำเป็นต้องเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคเชื่อมโยงกับประชาคมโลก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา” ว่า กรณี รถไฟไทย – จีน นั้นขออย่าสับสนในข้อมูลและขอทำความเข้าใจ เป็นความร่วมมือ ระหว่างไทย – จีน แบบรัฐบาลต่อ รัฐบาล ซึ่งมีการร่วมมือกันมาหลายรัฐบาลแล้ว มีข้อตกลงร่วมกัน โดยรัฐบาลนี้เอามาสานต่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อจะเป็นการลงทุนในอนาคต ซึ่งมีการพัฒนาโครงการของหลายประเทศมหาอำนาจด้วยก็เชื่อมโยงกันได้พอดี เราจำเป็นต้องเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค เชื่อมโยงกับประชาคมโลกอื่นๆอีกด้วย โดยมีหลายประเด็น ที่ต้องพิจารณา อาทิ เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบราง และระบบควบคุมการเดินรถ อาณัติสัญญาณ ฝ่ายไทยตัดสินใจจะลงทุนในโครงสร้าง มีกรอบการเจรจาวงเงิน 1.7 แสนล้านบาท มีการต่อรอง การเทียบราคา ทั้งต่างประเทศ และในประเทศมาตลอด มีการเจรจาทั้งหมด 18 ครั้ง โดยการร่วมลงทุนของจีนเป็นการรับจ้างก่อสร้าง

ส่วนมาตรฐานของจีนนั้นก็ได้รับการยอมรับเนื่องจากได้มีการนำเทคโนโลยีของจีนไปใช้ก่อสร้างในหลายประเทศแล้ว การที่ไทยเลือกที่จะลงทุนเองเพราะระบบสัมปทาน ฝ่ายจีนจะเป็นผู้รับผลประโยชน์ทั้งหมดหากฝ่ายไทย เป็นเจ้าของ เราก็จะเป็นผู้พัฒนาสองข้างทางเอง เพื่อจะดูในการสร้างเมืองใหม่ เป็นพื้นที่ประกอบการทางธุรกิจ ซึ่งได้สั่งการไปยังกระทรวงคมนาคม สนข. ไปคิดแผนเหล่านี้ออกมาควบคู่ด้วย ทั้งนี้ต้องแก้กฎหมาย เพื่อใช้พื้นที่ของ รฟท. (การรถไฟแห่งประเทศไทย) ให้เป็นประโยชน์ ในเชิงพาณิชย์ เพราะที่ผ่านมานั้น บริเวณเส้นทางรถไฟ ทางด่วน รถไฟฟ้า ทำอะไรไม่ได้เลย ที่สำคัญเราจำเป็นต้องมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เพราะต้องมีการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็นไทย – ลาว จีน ปากีสถาน ยุโรปตะวันออก เขามีการเชื่อมโยงกันแล้วในขณะนี้ เราจะได้ตามทันคนอื่นเขาด้วย ในกรอบ “วันเบลท์ วันโรด” ซึ่งลาว ก็อยู่ระหว่าง การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมไปยังทางเดียวกับเรา เราก็ต้องเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้ ขณะเดียวกันจะต้องปรับและจัดทำกฎหมายหลายฉบับตามความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่เฉพาะ ไทย – จีน แต่รวมทั้งอีก 64 ประเทศในกรอบด้วย

สำหรับการจัดการประมูล ฝ่ายไทยจะต้องดำเนินการเองทั้งหมด โดยการใช้บริษัทก่อสร้างไทย แรงงานไทย วัสดุในท้องถิ่นของไทย ให้มากที่สุด ก็ใช้แต่วิศวกรจากจีนมาเป็นผู้ออกแบบควบคุมแล้วก็ดำเนินการก่อสร้างภายใต้การทำงานของบริษัทก่อสร้างของเรา สำหรับการพิจารณา ความคุ้มทุน ไม่อยากมองเฉพาะจำนวนผู้โดยสารที่จะใช้บริการเท่านั้นเพราะทุกประเทศแรกๆ ขาดทุนทั้งหมด แต่วันนี้เกิดผลประโยชน์ตามมามหาศาล ส่วนเรื่องของการถ่ายทอดเทคโนโลยี ในการก่อสร้าง วิศวกรของไทยอยู่ร่วมในการวางแผนก่อสร้าง ควบคุมงาน และอื่นๆด้วย ซึ่งอยู่ในสัญญาที่จะต้องไปพูดคุย เจรจากันต่อไป ในส่วนประสบการณ์ แม้เราไม่เคยทำมาก่อน แต่ตนเชื่อมั่นในความศักยภาพของวิศวกรไทย ว่าสามารถเปิดรับเทคนิคและประสบการณ์ใหม่ๆ จากเส้นทางนี้ได้มาก ขณะที่เส้นทางอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ก็ต้องพิจารณาเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันจากหลายๆ ประเทศ ที่มีศักยภาพ ไม่ใช่ว่าเส้นอื่นจะต้องเป็นแบบนี้

การทำพันธะสัญญา ความร่วมมือในลักษณะ จีทูจีนั้น “ฝ่ายไทย” ดำเนินการโดยหน่วยงานราชการ กระทรวงคมนาคม การรถไฟไทย ขณะที่ฝ่ายจีนเป็นไปตามหลักการทำธุรกิจของจีน คือ ให้หน่วยงานของรัฐรับผิดชอบ ได้แก่ สภาเศรษฐกิจ ในการรับรองบริษัทที่จะมาทำการก่อสร้างกับไทย เท่านั้น ตนก็อยากจะขอร้องให้ทุกภาคส่วน ได้มองในภาพกว้าง นึกถึงผลประโยชน์ในอนาคตด้วย ทั้งนี้ตนได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการป้องกันการทุจริต จะต้องโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐาน โดยเรื่องรถไฟความเร็วสูง เป็นเพียงหนึ่งในความร่วมมือระหว่างไทย – จีน ที่มีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การลงทุนร่วมกัน หรือการหาวิธีการแสวงหาความร่วมมือ มันจะช่วยพัฒนาความเชื่อมโยงและการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ยั่งยืนในระยะยาว และสนับสนุนความร่วมมือรูปแบบต่างๆ ที่จะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น ในอนาคต

ดังนั้น ขอให้ทุกคนช่วยกันในการบูรณาการในทุกระดับนะครับ ทั้งรัฐบาล คสช. กระทรวงคมนาคม  หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่มีส่วนร่วมในการเจรจา ซึ่งรัฐบาลและ คสช. จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ (มาตรา 44) เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ จากผลการเจรจา ทั้งเกือบ 20 ครั้ง ที่ผ่านมาทั้งหมดมันมีความคืบหน้ามาตามลำดับ แต่มันติดอยู่สามสี่อันตรงนี้ ก็ไปแก้ไขตรงนี้ เพราะถ้าช้าเกินไปเราก็เสียโอกาส การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เราก็จะสูญเสียไป ก็ขอให้ทุกคนพยายามศึกษาทำความเข้าใจนะครับ แล้วก็เห็นถึงเหตุผลและความจำเป็น รัฐบาลก็ยืนยันทุกอย่าง มีข้อตกลงคุณธรรมเพื่อให้เกิดความโปร่งใส มีการตรวจสอบได้ ใครทุจริต ก็จะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย โดยทันที ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาชน ก็ตาม.