posttoday

เสกสรรค์ ชี้ รธน.ให้อำนาจชนชั้นนำ เชื่อคสช.กุมอำนาจอีก 10 ปี

19 มิถุนายน 2560

เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ชี้ รธน.ให้อำนาจชนชั้นนำจำกัดพื้นที่นักการเมือง เชื่อหลังเลือกตั้งรัฐบาลกำหนดนโยบายไม่ได้ คสช.กุมอำนาจอีก 10 ปี

เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ชี้ รธน.ให้อำนาจชนชั้นนำจำกัดพื้นที่นักการเมือง เชื่อหลังเลือกตั้งรัฐบาลกำหนดนโยบายไม่ได้ คสช.กุมอำนาจอีก 10 ปี

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวปาฐกถาในงานเสวนาดิเรกทอล์ค เรื่อง "ทิศทางการเมืองโลก การเมืองไทย และนโยบายสาธารณะ" ในหัวข้อ "การเมืองไทย กับสังคม 4.0"

เสกสรรค์ กล่าวถึงความขัดแย้งก่อนการรัฐประหารปี 2557 ว่า อาจไม่สามารถแก้ไขง่าย ด้วยการปรองดองของแกนนำ แต่ตัวแปรสำคัญในการสร้างความขัดแย้งนั้น ยังถูกเบียดยังออกจากสมการความขัดแย้ง ซึ่งหลังการรัฐประหาร แทนที่ คสช. จะรีบแก้ความขัดแย้ง แต่กลับรีบกำหนดนโยบายสังคม เศรษฐกิจ ให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของรัฐบาลชั่วคราว

อ.รัฐศาสตร์ รายนี้ยังกล่าวถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันว่า สะท้อนให้เห็นถึงชนชั้นนำในปัจจุบัน ยังต้องการรักษาอำนาจไว้ จำกัดพื้นที่นักการเมืองจากการเลือกตั้ง ซึ่งดูได้จากรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ที่เปลี่ยนระบบการเลือกตั้งใหม่ ทำให้อิทธิพลพรรคการเมืองใหญ่ถูกจำกัด ส่งเสริมโอกาสพรรคกลางและเล็ก ซึ่งรัฐบาลที่ได้จะเป็นรัฐบาลผสม ไม่มีเสถียรภาพ

ขณะที่บทเฉพาะกาลยังกำหนดให้ ส.ว. ชุดแรก มาจากการแต่งตั้งโดย คสช. และมีอำนาจร่วมกับ ส.ส. รับรองอำนาจนายกรัฐมนตรี เมื่อรวมกับบทบัญญัติให้นายกรัฐมนตรี สามารถเป็นบุคคลนอกรายชื่อพรรคการเมืองแล้ว น่าจะสะท้อนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้

ส่วนกฎหมายแผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ และกฎหมายการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ที่จะต้องออกบังคับภายใน 4 เดือนหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ เชื่อว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะไม่สามารถกำหนดนโยบายของตนได้ จนอาจจะต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของ คสช. และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็แก้ไขได้ยาก และการกุมอำนาจก็อาจจะต่อเนื่องยาวนาน 9-10 ปี

ทั้งนี้มองว่า การที่รัฐธรรมนูญผ่านการออกเสียงประชามตินั้น ไม่ใช่หมายความว่าจะไม่มีคนคิดต่าง เพราะในทางเป็นจริงคน 10 ล้านคน ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าเป็นจำนวนไม่น้อย และการวางผังจัดอำนาจที่ไม่สมดุล ให้อำนาจฝ่ายอนุรักษ์มากเกินจริง จึงอาจเป็นการซ่อนระเบิดเวลาเอาไว้ได้

นายเสกสรรค์ ยังกล่าวถึงการพัฒนาเศรษฐกิจไทยแลนด์ 4.0 และกลไกประชารัฐว่า แม้ภายนอกจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าเป็นการช่วงชิงมวลชน ที่มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินความสำเร็จ และเชื่อว่า มีจุดหมายที่ดี ที่จะสามารถพาประเทศพ้นกับดับปานกลาง โดยอาศัยนวัตกรรม เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในการสร้างรายได้ให้กับคนไทย แต่จะต้องดูความพร้อมของคนไทยต่อการก้าวกระโดดครั้งนี้ด้วย

ขณะที่ กลไกประชารัฐที่น่าสนใจคือ ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อการเติบโตของจีดีพี แต่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยภาครัฐเสนอตัวเป็นแกนนำประสานความร่วมมือกับกลุ่มทุน โดยมีภาคประชาสังคมขับเคลื่อน นโยบายนี้ จึงน่าจะมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นฐานเสียงสำคัญ ทับซ้อนกับฐานเสียงนักการเมือง ซึ่งหากนโยบายนี้สำเร็จ การเมืองภาคตัวแทนก็อาจจะโมฆะ หรืออาจล้มเหลวได้ เป็นการเปลี่ยนความขัดแย้ง เป็นความร่วมมือกับรัฐ และตอบโต้นโยบายประชานิยม

เสกสรรค์ ยังเชื่อว่าคำถาม 4 ข้อของนายกรัฐมนตรี เป็นการเปิดฉากรุกทางการเมือง กับนักการเมือง ที่ชิงความชอบธรรมได้กับตน ลดอำนาจนักการเมือง ซึ่งหลักธรรมาภิบาลตามสากล เป็นการบริหารที่โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ประชาชนมีส่วนร่วม และในระบอบประชาธิปไตย ก็สามารถสร้างธรรมาภิบาลได้มากกว่า โดยโอกาศเดียวที่พรรคการเมือง จะสามารถต่อรองกับกลุ่มอำนาจนิยมได้ คือ การร่วมมือกัน และเสนอนโยบายที่เหนือกว่า ดังนั้น จึงเชื่อว่ายุคไทยแลนด์ 4.0 นักการเมือง จะเล่นบทหางเครื่อง ผลัดหน้าทาแป้งให้กับชนชั้นนำ เกี้ยเซี๊ยะกับกลุ่มอำนาจนิยม หรือ นักการเมืองส่วนใหญ่ อาจรวมกลุ่มกัน ผนึกกำลังเป็นฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ เพื่อต่อกรกับกลุ่มอำนาจนิยม และเชื่อว่าจะไม่มีพรรคการเมืองใด จัดตั้งรัฐบาลได้เพียงพรรคเดียวและหลังจากนี้ ยังจะต้องติดตามว่ากลไกอนุรักษ์นิยม จะสลายความเจ็บช้ำน้ำใจของชาวนาเสื้อแดงได้หรือไม่ และฐานเสียงประชาชนจะเปลี่ยนไปหรือไม่

เสกสรรค์ ยังกล่าวถึงการเมืองภาคประชาชนหลังรัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ว่า ในรัฐธรรมนูญ ได้กำหนดเงื่อนไขไว้มาก เช่น ห้ามขัดความสงบเรียบร้อย หรือจะต้องเป็นไปตามกฎหมายอื่น ๆ และยังมีกลไกอื่น ๆ เช่น พ.ร.บ.การชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ หรือแม้แต่การเมืองข้างถนน ที่เปลี่ยนมาเป็นการเมืองภาคคีย์บอร์ด ก็ยังมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ควบคุม และสื่อมวลชน ก็ยังจะมีร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองส่งเสริมสิทธิเสรีภาพสื่แมวลชน จำกัดไว้อีกด้วย