posttoday

นายกฯเผยยึด3เสาหลักแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชน

31 พฤษภาคม 2560

นายกรัฐมนตรี เผย ยึด 3 เสาหลัก "คุ้มครอง-เคารพ-เยียวยา" แก้ปัญหาสิทธิมนุษยชน

 นายกรัฐมนตรี เผย ยึด 3 เสาหลัก "คุ้มครอง-เคารพ-เยียวยา" แก้ปัญหาสิทธิมนุษยชน

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “หลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติกับการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคม” ในการเปิดสัมมนาวิชาการเพื่อเผยแพร่และขับเคลื่อนหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน โดยกล่าวตอนหนึ่ง ว่า รัฐบาลมีวิธีการและโรดแมปในการเดินหน้าแก้ปัญหาทุกเรื่องเป็นรูปธรรมมากที่สุด โดยต้องทำความเข้าใจและขอให้องค์กรต่างประเทศต้องเข้าใจว่ารัฐบาลนี้เข้ามาทำอะไร และประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนเรื่องสิทธิมนุษยชน อย่ากังวลกับตนที่มายืนตรงนี้ เพราะตนเข้ามาบริหารในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ แม้ว่าขณะนี้ดูเหมือนจะปกติก็ตาม หลังจากนี้จึงต้องพัฒนาไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยมุ่งมั่นไม่ให้เกิดความขัดแย้งและวางรากฐานประเทศในอนาคต ซึ่งภาคธุรกิจมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน แต่ต้องเชื่อมโยงทุกภาคส่วนมาด้วยกัน ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นในการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยไม่กระทบภาคธุรกิจภายใต้กรอบ 3 เสาหลัก คือการคุ้มครอง เคารพและเยียวยา

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลยืนยันในการขับเคลื่อน โดยรัฐบาลมีหน้าที่หลักในการดูแลเรื่องดังกล่าว โดยใช้กฎหมายต่างๆ และทำแนวทางแก้ภาคธุรกิจต่างๆ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจด้วย แต่ต้องใช้เวลามาพอสมควร แต่ทั้งหมดอยู่ที่คนไม่ใช่แผนแม่บทที่เขียนขึ้น ที่ผ่านมามีกฎหมายมากมายที่ไม่เคยออกมาก่อนกว่า 10 ปี เช่นกฎหมายแรงงาน เรื่องการค้ามนุษย์และมาออกในรัฐบาลนี้ ซึ่งเป็นผลงาน 3 ปีของรัฐบาล ขอให้มองในส่วนนี้ โดยมีการออกกฎหมายรวมกว่า 400 ฉบับ มีผลบังคับใช้ไปแล้วกว่า 200 ฉบับ ซึ่งไม่ได้รีบออก แต่มีการรับฟังความเห็นแล้ว ซึ่งก็มีคนไม่เห็นด้วย แต่หลักประชาธิปไตยเป็นแบบนี้ที่ฟังเสียงส่วนใหญ่ และต้องดูแลคนส่วนน้อย ทั้งนี้กฎหมายทุกฉบับ รัฐบาลต้องพัฒนาให้เกิดความสอดคล้องกับสถานการณ์และเป้าหมายของประเทศ โดยต้องเข้มแข็งและระเบิดจากข้างในตามแนวทางในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่ไม่ใช่ระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ คนละเรื่องกัน อย่าเอาทุกเรื่องมาปนกัน เพราะแก้ปัญหาพร้อมกันหมดไม่ได้ จึงนำเรื่องที่เห็นตรงกันมาทำก่อน

ส่วนความขัดแย้งที่ยังไม่ตรงกันให้แก้ไขควบคู่กันไป ซึ่งเรียกว่าการปรองดอง สมานฉันท์ ไม่เช่นนั้นก็เดินหน้าไปไม่ได้ทั้งหมด โดยทุกคนต้องช่วยรัฐบาล ตนไม่สามารถดูทั้งหมดได้ และต้องใช้เวลา ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลาเพราะทุกปัญหามีความลึกซึ้ง แต่ที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีมา 3 ปี อ่านแผนงานมาทุกแผน แต่ไม่รู้ใครทำหน้าที่อะไร ไม่เหมือนแผนทหารที่บอกทุกอย่างว่าจะต้องทำอะไร และเดินหน้าไปสู่เป้าหมายให้เกิดขึ้น

นายกฯ กล่าวว่า สนใจการประเมินขององค์การต่างประเทศทุกส่วน จนหลายคนบอกว่าฟังแต่ต่างประเทศ ทั้งที่ฟังทุกคนและเอามาประมวลในสมองของตน จนตนตกเป็นจำเลยของสังคมทุกเรื่อง หรือจะต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมาช่วยเหลือตนเรื่องนี้ และหากมีความเดือดร้อนและต้องการความเป็นธรรมก็สามารถแจ้งศูนย์ดำรงธรรม ทั้งเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ร้องสุข ถามอะไร จะตอบอะไร ก็อ่านเอกสาร จดหมาย ทั้งด่า ทั้งชม รับทุกวัน แต่ก็ไม่ได้โกรธ เพราะรู้ว่าคนเราคิดแตกต่างกันได้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ต้องนำประชาธิปไตยของต่างประเทศมาเปลี่ยนแปลงและต้องพัฒนาตนเองภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติและต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง แต่ขณะนี้สับสนปนเปกันไปหมด และอย่ากังวลกับตนเพราะตนพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเปิดสัมมนาดังกล่าว นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชน โดยได้เดินลงบันไดเลื่อนกลับขึ้นรถไปยังทำเนียบรัฐบาลทันที