posttoday

รัฐบาลเผยสถานการณ์จ้างงานของไทยดีขึ้น

22 เมษายน 2560

โฆษกรัฐบาลเผยสถานการณ์เลิกจ้างงานลดสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงขาขึ้น ย้ำมุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีงานทำ

โฆษกรัฐบาลเผยสถานการณ์เลิกจ้างงานลดสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงขาขึ้น ย้ำมุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีงานทำ

พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์การเลิกจ้างงานของไทยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และประชาชนมีงานทำเพิ่มขึ้นจากมาตรการส่งเสริมการจ้างงานของรัฐบาล โดยในเดือน มี.ค.60 มีตัวเลขการบรรจุงาน 26,209 คน เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ.60 ร้อยละ 10.97 ขณะที่จำนวนผู้ประกันตนหรือแรงงานในระบบรายใหม่เดือน มี.ค.ก็เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึงกว่า 32,794 คน

“รัฐบาลพยายามควบคุมอัตราการว่างงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยปัจจุบันสถานการณ์การจ้างงานอยู่ในภาวะปกติ สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการมีงานทำของประชาชนที่เพิ่มขึ้นจากระดับ 70.3 ในเดือน ก.พ. เป็น 71.4 ในเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนล่าสุดที่สูงสุดในรอบ 2 ปี สิ่งนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของสำนักข่าวต่างประเทศ”

ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามข้อมูลสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงานอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากความร่วมมือของทุกฝ่าย และต้องการส่งเสริมให้คนไทยมีงานทำ เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงดูตนเอง ครอบครัว และยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ จึงพยายามอย่างมากที่จะทำให้พี่น้องแรงงานเข้าถึงการจ้างงานที่สะดวกรวดเร็ว เช่น จัดตั้งศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย 77 แห่งทั่วประเทศ จัดกิจกรรมนัดพบแรงงาน จ้างงานผู้สูงอายุ บริการแนะแนวอาชีพ จัดตั้งกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน และบริการจัดหางานบนมือถือผ่าน Smart Job Application เป็นต้น

“ส่วนการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านแรงงาน โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การรักษาพยาบาล ยอดเงินสะสมยามชราภาพ และการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของรัฐบาล ก็สามารถใช้บริการผ่านแอพพลิเคชันของสำนักงานประกันสังคม SSO Connect ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา โดยตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อ 10 เม.ย.60 มีผู้ดาวน์โหลดแล้วถึง 51,621 คน ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาระบบการให้บริการของภาครัฐด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อรองรับการเป็นประเทศไทย 4.0 ต่อไป”