posttoday

สนช.รับหลักการกม.พรรคการเมือง เสียงแตกปมจ่ายค่าสมาชิก

21 เมษายน 2560

มติสนช.รับหลักการกม.พรรคการเมือง ที่ประชุมเสียงแตกเรื่องจ่ายค่าสมาชิกพรรค " มีชัย" ย้ำ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมและรับผิดชอบ

มติสนช.รับหลักการกม.พรรคการเมือง ที่ประชุมเสียงแตกเรื่องจ่ายค่าสมาชิกพรรค " มีชัย"  ย้ำ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมและรับผิดชอบ 

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์ 175เสียง เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาในรายละเอียดต่อไป 

โดย  พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สนช. ประธานคณะกรรมการพิจาราณาศึกษา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง กล่าวว่า จากการรับฟังความคิดเห็นของหลายฝ่ายมีข้อสรุปว่าพรรคการเมืองควรจัดตั้งได้ง่าย และยากต่อการสิ้นสภาพ

นอกจากนี้ ใน เรื่องทุนประเดิม และค่าบำรุงพรรค ถือเป็นกำแพงกีดกันการมีส่วนร่วมของประชาชน ขัดแย้งหลักประชาธิปไตย ที่ควรสร้างจิตสำนึกมากว่าการบีบบังคับ อีกทั้งบทลงโทษรุนแรง ต่อผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองอาจเป็นเหตุให้ ไม่มีคนรุ่นใหม่คนดีเข้าสู่การเมืองเพราะเสี่ยงโทษหนัก ดังนั้นควรพิจารณาให้สอดคล้องกับการกระทำที่สมควรแก่เหตุ

นายวัลลภ ตังคณนานุรักษ์ สนช. กล่าวว่า  ประเด็นเรื่องการให้สมาชิกมีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองด้วยการจ่ายเงินสนับสนุนพรรคนั้น ในทางปฏิบัติมีหลายทางที่จำเป็นต้องเสียเงิน ทั้งการร่วมสัมมนา หรือเดินหน้าเผยแพร่อุดมการณ์พรรค ซึ่งมีคุณภาพ ดีกว่าเสียสตางค์ด้วยซ้ำ เรื่องนี้ต้องเปิดกว้าง เพราะบางทีชาวบ้านไม่มีเงินจ่าย หรือไม่จ่ายต่อเนื่องก็จะหมดสมาชิกภาพได้

นายมณเฑียร บุญตัน สนช.  กล่าวว่า ขอเสนอทางออก กรณีที่ไม่จ่ายเงินบำรุงพรรคก็ไม่เป็นเหตุให้หมดสิทธิความเป็นสมาชิกพรรค แต่เพียงแค่ทำให้สิทธิบางประการหายไป  คล้าย ชมรม หรือองค์กรต่าง ๆ ใครไม่เสียค่าบำรุงรายปีก็ยังเป็นสมาชิก แต่ไม่มีสิทธิจนกว่าจะเสียค่าสมาชิก และไม่เห็นว่าการมีสมาชิกพรรคไม่ครบเกณฑ์จะมีผลถึงขั้นต้องยุบพรรคการเมือง แค่ควรให้ชะลอการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง

นพ.เจตน์ ศิระธรานนท์  สนช. กล่าวว่า  เป็นห่วงในมาตรา 48 ที่กำหนดให้การส่งผู้สมัครต้องมีความเสมอภาคทั้งชายและหญิง แต่พรรคการเมืองต้องการส่งผู้สมัครที่ชนะแน่ๆ อาจทำให้เกิดความไม่เสมอภาค ขึ้นได้ หรือวรรคสองที่ระบุให้คณะกรรมการกำหนดสัดส่วนขั้นต่ำซึ่งหากตั้งตึงเกินไป ในทางปฏิบัติก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้  ส่วนตัวเห็นว่าหลักการกฎหมายควรทำให้พรรคการเมืองเกิดง่ายแต่ตายยาก  เพราะอดีตที่ผ่านมาพรรคที่ถูกยุบไปแล้วก็ตั้งใหม่ได้

ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ชี้แจงว่า การกำหนดให้มีสมาชิกพรรคเร่ิมต้นอย่างน้อย 500 คน ถือเป็นจำนวนที่พอสมควรแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเเสนอกำหนดสูงถึง 5,000 คน แต่เห็นว่ามากเกินไป อย่างไรก็ตาม ต่อจากนั้นได้กำหนดให้ใช้เวลา 4 ปี หาสมาชิกให้ได้ 1 หมื่นคน  ส่วนการสิ้นสภาพของพรรคการเมืองนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งยุบในกรณีทำผิดอุกอาจ รุนแรงอันตรายต่อประเทศชาติ

อย่างไรก็ตาม   การกำหนดทุนประเดิม หรือค่าสมาชิกพรรคไม่ใช่อิงกับประเด็นเรื่องการมีส่วนร่วมแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมองไปถึงเรื่องร่วมรับผิดชอบอย่างแท้จริง เพราะสิทธิ มาควบคู่กับหน้าที่เสมอ อีกทั้งจากการสำรวจความเห็นประชาชน 78.8 % เห็นว่าควรจ่ายเงินค่าสมาชิกพรรค

นายมีชัย กล่าวว่า กรณีที่มองว่ามีบทกำหนดโทษที่รุนแรงนั้นเป็นเรื่องนานาจิตตัง ซึ่งกรธ. พิจารณาแล้วได้ลดหย่อนลงจากเดิมมาหลายมาตรา แต่หาก สนช. คิดว่าแรงไปก็ปรับได้ ไม่น่ามีข้อขัดข้อง ส่วนเรื่องที่จะทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันนั้น เกิดจากสองประเด็นคือ 1.ประชาชนยอมรับและ 2. การการดำเนินกิจกรรมถูกต้องตามทำนองครองธรรม ซึ่งพรบ.นี้ กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในกิจกรรมสำคัญทั้ง การเลือกผู้สมัคร เลือกหัวหน้าพรรค  รวมทั้งการต้องเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนทั่วไป