บิ๊กตู่ย้ำชะลอสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่เพราะเป็นข้อสรุปชาวบ้าน

นายกฯแจงชะลอสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่เพราะเป็นความต้องการคนในพื้นที่ แต่ขอยังไม่ใช้คำว่าระงับ ชี้ภาคใต้ยังมีปัญหาไฟฟ้า 

เมื่อวันที่ 22 พ.ย.  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า กรณีข้อเรียกร้องของกลุ่มปกป้องอันดามันจากถ่านหินที่ขอให้ยุติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจ.กระบี่นั้น ขณะนี้ก็มีการชะลออยู่แล้วแต่ขออย่าเพิ่งใช้คำว่าระงับ เพราะเป็นข้อสรุปความต้องการของประชาชนในพื้นที่ หากเรียกร้องอะไรมาแล้วรัฐบาลทำตามให้หมดทุกอย่างคงไม่ใช่ แต่รัฐบาลต้องทำตามความคิดเห็นของคนในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ ยืนยันว่าวันนี้ยังไม่มีการก่อสร้างอะไรทั้งสิ้น แต่ขอให้ระวังผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะขณะนี้พื้นที่ภาคใต้ยังมีปัญหาไฟฟ้าติดขัดอยู่

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่เกษตรกรเตรียมฟ้องร้องกระทรวงพาณิชย์ กรณีนำเข้าข้าวสาลีจนทำให้ราคาข้าวโพดตกนั้น หากฟ้องร้องจะได้อะไรหรือไม่ แล้วการนำเข้าเกิดจากพันธสัญญาหรือไม่ เพราะถ้ามองแค่จุดเล็กๆก็จะเกิดปัญหาแบบนี้ จึงต้องมีมาตรการในการลดโควต้า เช่น การจัดเก็บภาษี ซึ่งขณะนี้ได้กำหนดอัตราส่วนการผลิตโดยให้ใช้ ข้าวสาลีในอัตรานำเข้า 1 ต่อ ข้าวโพดในประเทศ 3 เพื่อให้ไม่กระทบต่อข้าวโพดในประเทศ

ขณะเดียวกันขอให้มองด้วยว่า ข้าวโพดในไทยส่วนใหญ่ปลูกในพื้นที่บุกรุก จึงต้องเริ่มที่การยกเลิกการปลูกข้าวโพด แม้จะยังมีความต้องการอีกมาก ซึ่งในอนาคตจะร่วมมือกับเอกชนในการรับซื้อข้าวโพด

สำหรับเงื่อนไขเอ็มโอยูที่กรมส่งเสริมการเกษตร ทำกับบริษัทเมล็ดพันธุ์ ในการช่วยเหลือชาวนาที่ปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะต้องใช้เมล็ดพันธุ์ของเอกชนนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ชาวนามีทางเลือกอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมารัฐบาลผลิตเมล็ดพันธุ์ รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนขายเมล็ดพันธุ์ก็ยังไม่เพียงพอ จึงต้องซื้อจากเอกชนโดยทำสัญญาให้ขายในราคาที่เป็นธรรม และยืนยันว่าไม่ได้เชื่อมโยงผลประโยชน์ให้ใคร แต่เพื่อแก้ปัญหาให้ครบวงจร

"ทำเองได้ไหม ต้องอาศัยเอกชนทั้งนั้น เจตนาของเอ็มโอยูฉบับนี้คือต้องการให้ประชาชนใช้เมล็ดพันธุ์ในราคาถูก มีทางเลือกไม่ได้เอื้อประโยชน์ใครทั้งสิ้น" นายกรัฐมนตรีกล่าว