"สมชัย"ชูปฏิรูปเลือกตั้ง 4 ด้าน 10 ประเด็น
กกต.เผยแนวคิดปฏิรูปการเลือกตั้ง ส.ส. 4 ด้าน 10 ประเด็น มุ่งให้ได้ ส.ส. มีคุณภาพ-ลดค่าใช้จ่าย
กกต.เผยแนวคิดปฏิรูปการเลือกตั้ง ส.ส. 4 ด้าน 10 ประเด็น มุ่งให้ได้ ส.ส. มีคุณภาพ-ลดค่าใช้จ่าย
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า กกต.เห็นชอบหลักการร่างพ.ร.บ.เลือกตั้งแล้ว แต่ยังมีรายละเอียดที่ยังต้องปรับแก้ภาษาในกฎหมายให้สอดคล้องกันโดยมอบหมายให้สำนักงาน กกต.ปรับแก้ให้เสร็จในวัน ที่ 15 ก.ย.ก่อนที่จะให้ กกต.ลงนามส่งให้ กรธ. ต่อไป จากนั้นจะแถลงข่าวรายละเอียดของร่างพ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ดังกล่าว
นายสมชัยกล่าวว่าในร่างพ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.ที่ กกต.เสนอดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการปฏิรูป 4 ด้าน 10 เรื่องเพื่อให้การจัดการเลือกตั้งให้ได้ ส.ส. ที่มีคุณภาพเข้ามาสู่การเมือง โดย 4 ผ่าน 4 กลไกหลักคือ 1.กลไกการรับสมัคร 2.กลไกการหาเสียง 3.กลไกการลงคะแนน และ 4.กลไกการประกาศผล
นายสมชัยกล่าวว่า กกต. ได้ออกแบบกลไกการรับสมัครใหม่เพื่อแก้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เพราะเราเห็นภาพของการรับสมัครโดยที่ผู้สมัครบางรายสมัครโดยไม่ตั้งใจจะแข่งขันเพื่อให้ได้รับเลือก รู้ดีว่าไม่ได้เป็น ส.ส. แน่นอนจึงไม่หาเสียง มีคะแนนหลังเลือกตั้งต่ำกว่าหลักร้อย แต่สมัครเพียงเพื่อหวังจะมีโอกาสออกอากาศทางโทรทัศน์ฟรี จึงให้เพิ่มค่าสมัครจาก 5,000 บาทเป็น 10,000 บาท แต่หากผู้สมัครในเขตนั้นได้รับคะแนนเกิน 5 % ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง (ประมาณ 4,000 – 5,000 คะแนนขึ้นไป) ก็จะคืนเงินค่าสมัครให้ครึ่งหนึ่ง หรือ 5,000 บาท สำหรับค่าสมัครที่เพิ่มนั้น กกต. จะนำไปสมทบกับค่าใช้จ่ายที่จะจัดทำแผ่นป้ายเพื่อติดโปสเตอร์หาเสียงให้กับผู้สมัครต่อไป
นายสมชัยกล่าวต่อว่า กกต. จะให้มีช่องทางการรับสมัครทางอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นคู่ขนานกับการสมัครด้วยตนเอง เพื่อป้องกันปัญหาขบวนการขัดขวางการสมัครในบางพื้นที่เพื่อหวังให้กระบวนการเลือกตั้งไม่สมบูรณ์ หรือขัดกับรัฐธรรมนูญ จึงเปิดช่องทางการรับสมัครสองช่องทางขนานกัน คือสามารถมาสมัครด้วยตนเอง หรือยื่นสมัครทางอินเทอร์เน็ต แล้วจึงมาจับสลากหมายเลขอีกที ให้แต่ละพรรคมีหมายเลขเดียวกันทั่วประเทศ
ในด้านการปฏิรูปกลไกการหาเสียง จะมีการกำหนดขนาด จำนวน และสถานที่ปิดป้ายหาเสียง โดยเบื้องต้นกำหนดให้ผู้สมัครทำโปสเตอร์หาเสียงของตนเองขนาด 60 คูณ 60 ซม. ส่วน กกต. จะทำบอร์ดให้ติดโปสเตอร์ดังกล่าวประมาณ 200 จุดต่อ 1 เขตเลือกตั้ง หรือประมาณ 70,000 จุดทั่วประเทศ ค่าใช้จ่ายที่ กกต. ต้องใช้ทำบอร์ดดังกล่าวประมาณ 140 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเก็บค่าสมัครได้ราว 20 ล้านบาท น้อยกว่าจำนวนหน่อยออกเสียงเล็กน้อย ดังนั้นผู้สมัครจึงไม่จำเป็นต้องทำโปสเตอร์มากกว่า 200 - 300 ใบ ไม่ต้องทำป้ายคัดเอ้าท์ ป้ายบิลบอร์ดขนาดยักษ์ ป้ายไวนิล โดย กกต. ยังจะทำเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลผู้สมัครเผยแพร่ให้กับประชาชน ส่งผลทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการหาเสียงและเกิดความสะอาดต่อบ้านเมือง เป็นการลดต้นทุนทางการเมืองอย่างมหาศาล
"ถ้าค่าพิมพ์ใบละ 100 บาท ผู้สมัครทำคนละ 300 ใบก็เพียง 30,000 บาทจากเดิมที่ต้องใช้เงินหลายแสนบาท แต่เราเก็บค่าสมัครสูงขึ้นเพราะจะเอามาช่วยทำป้ายเหล่านี้ โดย กกต. จ่ายมากกว่าราวสิบเท่า"นายสมชัยกล่าว
นายสมชัยกล่าวอีกว่า การปฏิรูปด้านกลไกการหาเสียงเรื่องถัดไปนั้น กำหนดว่าหากพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครเกินกว่า 50 % ของเขตเลือกตั้ง (175 เขตขึ้นไป) จะกำหนดให้ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรคเหล่านี้ต้องร่วมเวทีดีเบธนโยบายต่อสาธารณะ โดยจะให้สื่อหลักจัดรายการโทรทัศน์กำหนดหัวข้อให้ดีเบต ส่วนรูปแบบวิธีการจำนวนครั้ง ให้เป็นไปตามประกาศ กกต. โดยจะเป็นการถ่ายทอดสดเผยแพร่ทางทีวีพูล ซึ่งเป็นแนวทางสอดคล้องกับนานาอารยประเทศ
สำหรับการโฆษณาหาเสียงทางอินเทอร์เน็ตนั้น เชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการหาเสียง ปัญหาคืออาจมีการใช้ข้อมูลเท็จ หรือปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างกระทันหัน มีการโจมตีฝ่ายตรงข้าม ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต จึงให้การหาเสียงทางอินเทอร์เน็ตได้ แต่ข้อมูลต้องนิ่งตั้งแต่ 24.00 น. ของ 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง ห้ามเปลี่ยนแปลงข้อมูล เพื่อไม่ให้มีการปล่อยข่าว โจมตี ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมจะยังมีการจำกัดเงินค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งอยู่ ซึ่งแนวโน้มน่าจะน้อยลง
นายสมชัยกล่าวอีกว่าสำหรับประเด็นห้ามจำหน่ายจ่ายแจกสุราจากเดิม 18.00 น. ก่อนวันเลือกตั้งถึง 24.00 น. ในวันเลือกตั้ง ให้ลดจำนวนชั่วโมงเหลือ 24 ชั่วโมงเท่านั้นเพราะเชื่อว่าทุกอย่างคลี่คลายแล้ว โดยเฉพาะการนับคะแนนที่หน่วยน่าจะเสร็จสิ้นเร็ว ทั้งนี้ กกต. ยืนแนวความคิดตามหลักสากลว่าก่อนวันเลือกตั้งถึงวันเลือกตั้งควรเป็นวันที่นิ่งให้ประชาชนไตร่ตรองบนพื้นฐานที่มีสติ
ด้าน กลไกการลงคะแนนให้เพิ่มช่องทาง วิธีการลงคะแนน เปิดกว้างขึ้น เช่น ทางไปรษณีย์ การใช้เครื่องมืออิเลคทรอนิกส์ในบางพื้นที่ การลงคะแนนในอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศที่มีความพร้อม การเลือกตั้งล่วงหน้าจะมี 2 วันและขยายเวลาถึง 18.00 น. ให้ประชาชนมีเวลามากขึ้น ส่วนวันเลือกตั้งจริงขยายถึง 16.00 น.
นายสมชัย กล่าวว่าด้านปฏิรูปการประกาศผล จะให้ กกต. มีอำนาจออกใบเหลือง (สั่งเลือกตั้งใหม่) ใบแดง (เลือกตั้งใหม่พร้อมตัดสิทธิผู้สมัคร) โดยศาล ซึ่งศาลอาจสั่งทั้งเพิกถอนสิทธิ ชดใช้ค่าเสียหาย ดำเนินคดีอาญา มีอายุความ 1 ปีหลังการเลือกตั้ง ส่วนนี้หลักการคงเดิม และมีเรื่องใหม่คือใบส้ม คือหากพบว่ามีการทำผิดเกิดก่อนประกาศผล ไม่ว่าก่อนหรือหลังวันเลือกตั้ง หากพบว่าการกระทำความผิดเชื่อมโยงกับผู้สมัครก็อาจเอาชื่อออกจากการเลือกตั้งใหม่ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 1 ปี ขณะที่ใบแดงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ส่วนเพิกถอนสิทธิการรับสมัครซึ่งมีผลให้หมดสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปตลอดชีวิต หรือที่เรียกว่าใบดำนั้น เป็นดุลพินิจของศาลไม่เกี่ยวกับ กกต.