posttoday

"บิ๊กตู่"อยากให้นักการเมืองช่วยคิดทำไงให้บ้านเมืองสงบ

29 กรกฎาคม 2559

"พล.อ.ประยุทธ์"เปิดใจโค้งสุดท้ายก่อนลงประชามติเผยอยากได้ยินนักการเมืองคิดดังๆทำย่างไรให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อนนอกจากเรียกร้องประชาธิปไตย

"พล.อ.ประยุทธ์"เปิดใจโค้งสุดท้ายก่อนลงประชามติเผยอยากได้ยินนักการเมืองคิดดังๆทำย่างไรให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อนนอกจากเรียกร้องประชาธิปไตย
 
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เรียกร้องให้นักการเมืองคิดดังๆเสนอทางออกแก้ปัญหาความขัดแย้ง ดีกว่าใช้วาทะกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างเดียว
 
“ผมอยากฝากความในใจถึงพี่น้องประชาชน คนไทย ทุกภาคส่วน ทุกอาชีพ ทุกรายได้ ได้มองปัจจุบันและอนาคต ท่านต้องย้อนกลับไปที่อดีตก่อน อย่างเพิ่งลืม ลืมสิ่งที่มันเพิ่งผ่านมาไม่นาน ก่อน 22 พ.ค. 57 เราต้องเอาอดีตเหล่านั้นมาเป็นบทเรียน / ในช่วงปี 58-59-60 เป็นช่วง “การเปลี่ยนผ่าน” เตรียมการวางรากฐานไว้ให้ ซึ่งในช่วงรอยต่อนี้ จะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศระยะยาว ที่จะมีผลสืบเนื่องไปในอนาคต คือหลังจากปี 60เป็นต้นไป ตามแผนของสภาพัฒน์ฯ 60 – 64 นั้นแหละ / สิ่งต่างๆ ที่เป็นปัญหาในอดีตนั้น เราทุกคนต้องช่วยกัน ว่าจะต้องไม่ย้อนกลับไปอีก / อยากให้ทุกคนคิดว่า แล้วมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
 
“ฝากนักการเมืองที่ดีๆ ทุกพรรค ทุกคน ทุกกลุ่ม ได้กรุณาช่วยคิดดังๆ ออกอย่าพูดอย่างเดียวช่วยคิดด้วยแล้วก็คิดดังๆออกมาว่า อะไร นอกจากคำว่า “ประชาธิปไตย” ที่ผมไม่ขัดแย้งกับท่านหรือ คำว่า “เสียงเรียกร้องประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ความมั่นคง เศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข การแก้ปัญหาความยากจน การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างความเข้มแข็งของประเทศ และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบ้านเมืองเรา กับทุกประเทศที่เขากำลังเร่งพัฒนาในภูมิภาคเดียวกันกับเรา ทั้งในอาเซียนด้วย
 
“ผมก็ฟังปัญหาต่างๆ จากประชาชน วันนี้ก็ยังมีความมั่นใจอยู่ในการทำงานของรัฐบาลที่ทำอยู่ แต่เขาไม่แน่ใจกับการทำงานของนักการเมือง นี้แหละคือเป็นห่วง  ตนไม่ใช่ศัตรูของท่าน เพราะฉะนั้นเขาเป็นห่วงกับการทำงานของท่านในอนาคต ช่วยกันนะครับทำให้ให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกับท่าน” นายกฯ กล่าว
 
ไม่อยากให้มองแต่คอยจับผิด อะไรที่ยังไม่สำเร็จก็กำลังแก้ไขอยู่   ท่านก็จับผิดเล็กๆน้อยๆ รอยต่อช่องว่างเล็กๆน้อยๆ ก็แก้ไปซิครับ ในเมื่อเราวางเป้าหมายแล้วก็ต้องเดินตามแล้วก็แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเราเดิน เดินทางมันก็มีอุปสรรคมากมาย แต่ถ้ามาติอะไรที่กำลังเดินอยู่กำลังแก้อยู่ มันไปไม่ได้หรอก ต้องช่วยกัน
 
หลายอย่างท่านก็ทำไว้แล้ว หลายอย่างท่านก็ยังทำไม่สำเร็จผมก็มาทำต่อมาแก้ไขให้มันดีขึ้น ปัญหาต่างๆที่ต้องแก้ไขมากมายบางอย่างท่านก็สร้างเอาไว้
 
“ผมว่าต้องมาช่วยกันคิดช่วยกันทำ ทั้งนักการเมือง ทั้งทหาร ทั้งรัฐบาล ทั้ง คสช. วันนี้จากวันนี้เป็นต้นไป จะต้องช่วยกันทำให้ประเทศชาติดีขึ้น ไม่ใช่มาขัดแย้งกันด้วยประชาธิปไตย ลงประชามติเลือกตั้ง นู่นนี่ พูดมา2ปีแล้วนะ ผมก็ยังไม่เห็นท่านพูดอะไรใหม่บ้างเลยว่า ท่านจะทำอะไรเมื่อท่านเข้ามานะ คนเขารอฟังอยู่  ก็ไม่อยากให้ติติงอย่างเดียวกับสิ่งต่างๆที่ยังไม่สำเร็จ
 
ที่ผ่านมาท่านอาจจะไม่สนใจมากนัก ปล่อยปะละเลยบ้างอะไรบ้าง หรือไม่อยากจะทำ ไม่คิดจะทำ เหล่านี้มองแล้วว่า ไม่ใช่ “การติเพื่อก่อ”เป็นการแสดงความเห็นที่บริสุทธิ์ใจ เพราะว่ามันมีปัญหาซึ่งทำให้เกิดปัญหา เพราะฉะนั้นจึงมองได้แต่เพียงความเพียรพยามยามที่จะทำเรื่องผิดๆให้เป็นถูก ทำถูกให้เป็นผิดซะ โดยอาศัยความไม่รู้เท่าทันของหลายภาคส่วน  ทั้งนี้ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ของรัฐบาลและ คสช. ร่วมกับประชาชน ก็คาดหวัง กับคำที่กล่าวที่นักการเมืองพูดเสมอว่า “เราจะต้องเป็นประชาธิปไตย”
 
ฉะนั้นท่านก็ช่วยอธิบายว่า ท่านจะเป็นยังไงในประชาธิปไตยของท่าน การมีธรรมาภิบาลของท่านนั้นคืออะไร  จะทำอะไรบ้างที่ให้ประชาชน ถ้าทำไปแล้ว รัฐสวัสดิการ จะใช้ใช้จ่ายงบประมาณจากไหน จะหาเงินอย่างไร ระบบเศรษฐกิจท่านจะมีรายไดประเทศอย่างไร เพราะที่ผมเข้ามามันไม่มีเรื่องพวกนี้ไง มีแต่การใช้จ่ายที่ค่อนข้างจะมีปัญหาเรื่องงบประมาณ ถ้าไม่แก้ไขวันนี้ ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านตรงนี้ไม่ช่วยกันก็ไปไม่ได้หมด ประชาชนก็เดือดร้อน
 
ก็ขอร้องประชาชนต้องเข้าใจว่า เราอ่อนแอ อ่อนแอมาเรารอเขามานานแล้ว วันนี้เรากำลังทำอยู่3 ปีเท่านั้นเอง ก็ต้องทำให้สำเร็จอยากให้รัฐบาลนี้กับคสช.และกับประชาชนที่เขาคาดหวัง เขาอยากจะฟังว่า ที่ท่านว่าประชาชนที่ต้องการประชาธิปไตย แต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่พูดเรื่องอื่น ต้องเล่าให้เขาฟังบ้างนะ ผู้คนสับสน อลหม่าน หมดเลย ทำประชามติเขาวุ่นไปหมด มันอาจจะทำให้ประเทศไทยไม่มีเสถียรภาพนะครับ อย่างที่ต่างประเทศเป็นห่วงกังวล
 
แต่ผมยืนยันผมจะรักษาเสถียรภาพให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับท่านด้วยว่าจะทำให้ประชาชนสงบลงได้อย่างไร สื่อ โซเชียลมีเดีย ไม่อยากให้ทุกอย่างมันกลายเป็นว่า ผมมาทำให้ท่านขัดแย้งกันมากขึ้นอีก ผมต้องการมาสงบความขัดแย้งแล้วก็แก้ไขปัญหาที่ท่านทำกันไว้ ผมเรียนแล้วว่ามีทั้งดีและปัญหา เพราะฉะนั้นผมไม่อยากกล่าวโทษใครทั้งหมดหรอกครับ ท่านจะตำหนิติเตียนอะไรผมก็ยอมรับได้หมดอยู่แล้วแหละไม่เป็นไรผมไม่โกรธหรอกนะ อย่าทำให้สถานการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกก็แล้วกัน
 
ที่เกิดขึ้นในปี 57 แล้วก็มีการปฏิวัติรัฐประหารและทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ถ้าหากทุกอย่างมันดีอยู่แล้ว ประชาชนมีความสุข มีการบริหารที่โปร่งใส ก็คงไม่มีการประท้วง ไม่มีการขยายการประท้วงให้รุนแรงขึ้น มีภาพความรุนแรงใช้อาวุธสงคราม เกลียดชัง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย จนชัดเจนไปหมด ที่ผ่านมาโดยการสร้างวาทะกรรม เพราะฉะนั้นถ้ามันดีอยู่แล้วใครจะกล้าเข้ามาปฏิวัติ รัฐประหาร ผมว่าประชาชนไม่ยอมหรอกครับ และผมก็ไม่ทำร้ายประชาชนอยู่แล้ว แต่ทำให้มันสงบทำให้ประเทศเข้มแข็ง
 
เพราะฉะนั้นทุกอย่างถ้าใช้วาทะกรรมอย่างเดียวก็ทะเลาะกันไม่เลิก ทุกอย่างต้องมีเหตุมีผลในการทำ ในการกระทำในตัวของมันเองด้วย
 
อีกประการหนึ่งนะครับ ขอฝากถึงพี่น้องประชาชน ท่านต้อง “เปิดใจ” ยอมรับการกำหนดเป้าหมายในชีวิตที่ต้องการ ทราบดีว่า ประชาชนต้องการมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม  มีรายได้ที่สูงขึ้น มีอาชีพที่ดี เป็นหลักเป็นแหล่ง ยั่งยืน และต้องการความมีระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง / แต่ท่านก็ต้องพร้อมกับ “ปรับตัว”ยอมรับสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังทำรวมกับเรากันอยู่