เด็กเพื่อไทยเชียงใหม่พบตร.ยันไม่หนีหลังถูกพาดพิงปมจม.ร่างรธน.

อดีตสส.เพื่อไทย เข้าพบผบช.ภ.5 แสดงเจตนาไม่หลบหนี หลังถูกพาดพิงปมจดหมายเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ลั่นไม่มีข้อความผิดกฎหมายประชามติ

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ รองนายกอบจ.เชียงใหม่ อดีตส.ส.เชียงใหม่พรรคเพื่อไทยพร้อมทีมทนายความได้เข้าพบพล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 โดยน.ส.ทัศนีย์ กล่าวว่า ที่เดินทางมาครั้งนี้เพราะอยากทราบข้อมูลหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุมจดหมายที่เนื้อหาเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญโดยมีผู้ต้องหาคือ นายวิศรุต คุณะนิติสาร ซึ่งเป็นอดีตลูกน้องที่เคยทำงานด้วยกันและปัจจุบันทำงานที่เทศบาลตำบลช้างเผือก และข่าวที่เผยแพร่ออกไปมีการพาดพิงมาถึงตน เนื่องจากมีการเข้าไปตรวจค้นที่บริษัททัศนาภรณ์ด้วย

"ส่วนตัวเห็นว่าการส่งจดหมายไม่ใช่เรื่องผิด เพราะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ แล้วเนื้อความที่เห็นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ทั้งเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค เบี้ยผู้สูงอายุบ้าง ก็ยังเห็นว่ามีนักวิชาการออกมาพูดและโพสต์กัน เพราะคนเราน่าจะมีสิทธิแสดงความเห็นได้ และในฐานะอดีตส.ส.ก็มีสิทธิที่จะออกความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญได้ เพราะยังมีสภาปฏิรูป 250 คน มี ส.ว.250 จากการคัดสรรทั้งหมดซึ่งก็ห่วงเกรงว่ารัฐบาลในอนาคตมีปัญหาได้"รองนายกอบจ.เชียงใหม่ กล่าว

น.ส.ทัศนีย์ กล่าวว่า หลักฐานที่เจ้าหน้าที่เอาไปก็เป็นเพียงซองจดหมาย ซึ่งเป็นซองเปล่าด้วย การมาพบผู้บัญชาการตำรวจภาค 5 ครั้งนี้เพื่อขอทราบรายละเอียดก่อนเพราะดูมาถึงขนาดนี้ดูเหมือนกลายเป็นว่าทำคดีอุกฉกรรจ์

ด้านนายจำนง ไชยมงคล ทนายความกล่าวว่า ทิศทางในการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตอนนี้มุ่งมาที่อดีตส.ส. ซึ่งเรื่องที่ถูกกล่าวหาเป็นเรื่องผิดพ.ร.บ.ประชามติเท่านั้นเอง และยังไม่มีข้อยุติเลยว่าข้อความที่ปรากฏในจดหมายนั้นผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติหรือไม่แต่วันนี้กลับมีการมาตรวจค้นมากมาย จึงต้องมาขอพบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพราะถ้าจะแจ้งข้อกล่าวหาก็พร้อมที่จะรับทราบข้อกล่าวหาและมอบตัวและขอประกันตัวซึ่งก็แล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ผ่านมามีจดหมายบางฉบับที่ส่งให้ประชาชนจริง แต่ไม่มีข้อความที่ผิดกฎหมายประชามติ

ด้าน พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า น.ส.ทัศนีย์พร้อมทีมทนายทั้ง 3 คนมาขอพบโดยแจ้งเจตจำนงว่าไม่ได้ไปไหน และพร้อมที่จะมาพบเจ้าหน้าที่ อีกทั้งไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน ซึ่งทีมทนายก็บอกว่าเป็นการแสดงความสุจริตใจ ส่วนเรื่องของคดีก็จะต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งจะมีการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องอีกและยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งก็มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็มั่นใจในพยานวัตถุ พยานหลักฐานด้วยเพราะเป็นการทำงานร่วมกันทั้งทหารและฝ่ายปกครอง ไม่ใช่แค่ตำรวจอย่างเดียวเพื่อสร้างความโปร่งใส และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ให้ทำงานด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาและถ้าหลักฐานโยงใยไปถึงใครก็จะดำเนินการหมด.