วิษณุเผยตั้งศูนย์รักษาความสงบเพื่อดูแลความเรียบร้อยประชามติ

"วิษณุ" แจง ตั้ง "ศูนย์รักษาความสงบ" เป็นแนวคิดฝ่ายความมั่นคงเพื่อดูแลความเรียบร้อยในการทำประชามติ

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. เวลา 16.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งศูนย์รักษาความเรียบร้อย เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดเรื่องดังกล่าว เป็นแนวคิดของฝ่ายความมั่นคง

เมื่อถามว่า การให้เจ้าหน้าที่รัฐมาตรวจสอบกันเองจะดูไม่ดีหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ศูนย์ดังกล่าวไม่ได้มีเพื่อจับผิดหรือปราบโกง แต่เป็นหน้าที่ของรัฐในการดูแลรักษาความสงบ และเขาคงมีข่าวอะไรมาว่า อาจมีความไม่สงบขึ้นมา แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะตามกฎหมายประชามติกำหนดให้รัฐต้องดูแลความเรียบร้อย จึงจำเป็นต้องตั้งศูนย์ดังกล่าวขึ้นโดยมีกฎหมายรองรับ ทั้งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าศูนย์ดังกล่าวไม่ได้ปิดกั้นหรือปราบปรามคนเห็นต่าง ถ้าไปทำอย่างนั้นเจ้าหน้าที่จะผิดกำหมายประชามติเสียเอง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าบางพื้นที่มีการบอกจะให้เงินกับชาวบ้าน หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ นายวิษณุ กล่าวว่า เห็นจากข่าวผู้เกี่ยวข้องได้ปฏิเสธไปแล้ว ถือเป็นการสร้างข่าวเท็จ แต่จะมีจริงหรือไม่คงต้องตรวจสอบกัน หากมีจริงก็ถือว่ามีความผิด ตอนนี้ ครู ก,ข,ค มีจำนวนมาก อาจเป็นไปได้ว่ามีคนแทรกซึมเข้ามา แล้วไปพูดหรือกลอนพาไป ก็ถือเป็นความผิด

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญผิด โดยมีการสลับมาตรา และสลับหน้า แต่รับทราบเรื่องที่ครู ค ยังไม่ได้รับร่างทั้งที่ถึงเวลาที่จะต้องชี้แจงต่อปะชาชนแล้ว ทั้งนี้คิดว่าจากวันนี้ถึงวันที่ 7 ส.ค. ซึ่งเป็นวันลงประชามติ ผู้เกี่ยวข้องจะสามารถสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจได้ทันเวลา เพราะเมื่อประชามติปี 2550 ซึ่งมีเวลาไม่มากก็ยังสามารถทำได้ อย่างไรก็ตามตนไม่ได้ประเมินว่าประชามติครั้งนี้ประชาชนจะออกประชามติมากหรือน้อยเพียงใด

เมื่อถามว่ายิ่งใกล้โค้งสุดท้ายรัฐจะมีมาตรการจัดการกับคนที่กุข่าวลวงเรื่องรัฐธรรมนูญและประชามติหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า หากไม่มีการกุข่าวลวงก็ไม่รู้จะจับได้อย่างไร แต่หากมีก็จะต้องจับโดยเจ้าหน้าที่พยายามอะลุ่มอล่วย มีการปรามเตือน ไม่ใช่มุ่งแต่จับเพียงอย่างเดียว

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่ามีแนวคิดที่จะเชิญกลุ่มนักการเมืองเข้าร่วมพูดคุยเพื่อหาทางออกให้ประเทศ แต่ยังไม่ถึงเวลา นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ทั้งนี้เคยได้ยินนายกฯพูดเรื่องลักษณะนี้มาปีกว่าแล้ว แต่ไม่มีใครติดใจอะไร เพราะอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน