posttoday

ทหารส่ง 8 ผู้ต้องหาให้ตร.ดำเนินคดี พบรับจ้างทำเพจต้านคสช.

28 เมษายน 2559

ทหารคุมตัว 8 ผู้ต้องหาผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่งตร.ดำเนินคดี พร้อมเปิดผังพฤติกรรมพบรับเงินค่าจ้างทำเพจเฟซบุ๊กต่อต้านคสช. ทนายความเตรียมยื่นประกันตัว

ทหารคุมตัว 8 ผู้ต้องหาผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่งตร.ดำเนินคดี พร้อมเปิดผังพฤติกรรมพบรับเงินค่าจ้างทำเพจเฟซบุ๊กต่อต้านคสช. ทนายความเตรียมยื่นประกันตัว

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.ในฐานะฝ่ายกฎหมาย คสช.พร้อมกำลังคุมตัว น.ส.ณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์  , นายนพเก้า คงสุวรรณ , นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรนันท์ หรืออ้วน , นายโยธิน มั่งคั่งสง่า หรือโย , นายธนวรรธน์ บูรณศิริ อายุ 22 ปี , นายศุภชัย สายบุตร หรือตั๋ม อายุ 30 ปี , นายหฤษฏ์ มหาทน อายุ 27 ปี และ นายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา หรือที อายุ 34 ปี รวม 8 ราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ที่ 24-32 /2559 ตามลำดับ ข้อหา กระทำการด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด โดยมิใช่ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนก่อให้เกิดความไม่สงบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย หรือรัฐบาล และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา โดยมีการตรวจร่างกายก่อนพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติ และสอบสวนดำเนินคดี

นอกจากผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย แล้ว ยังคงเหลือ นายชัยธัช รัตนจันทร์ ผู้ต้องหาอีกรายในคดีเดียวกัน ซึ่งอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ยังไม่ได้ถูกควบคุมตัวมาดำเนินคดี

ระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหา ได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เมื่อทีมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้พยายามที่จะฝ่าแนวกั้นของทหาร และตำรวจ เพื่อแสดงความจำนงที่จะเข้าร่วมการสอบปากคำ พร้อมกับอ้างว่ามีญาติของผู้ต้องหาที่ต้องการจะพบผู้ต้องหาด้วย แต่ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันที่จะให้พบภายหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการตรวจร่างกายทำประวัติ สร้างความไม่พอใจให้กับทนายความจากศูนย์ทนายดังกล่าว

ต่อมา น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ หนึ่งในผู้แทนทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ได้เข้าขอเจรจาว่าขอให้ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะเลือกทนายความเอง ไม่ใช่ให้ตำรวจจัดหาทนายความมาให้ อันนี้เป็นหลักการตาม ป.วิอาญา เป็นสิทธิของผู้ต้องหาโดยแท้ ทางศูนย์ฯ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารผลักดันออกมา เรายืนยันว่าจะขอความเป็นธรรม ว่าผู้ต้องหามีสิทธิเลือกทนายเอง เพราะเรามองว่ากระบวนการสอบสวนที่มีทนายความโดยเจ้าหน้าที่รัฐ โดยผู้ต้องหาไม่ยินยอม ถือว่าเป็นการดำเนินการที่มิชอบด้วยกฎหมาย

น.ส.คุ้มเกล้า กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าจับกุมผู้ต้องหาตั้งแต่ช่วงเช้า ก็ใช้วิธีการที่ผิดขั้นตอน มีการงัดประตู ทุบกระจก และก็ไม่มีหมายศาลมาแสดง เราถือว่าเป็นกระบวนการเข้าจับกุมที่ไม่ถูกต้อง แต่ผ่านหลังจะอ้างว่าควบคุมตัวตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยฯ โดยทหารซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นร้อยตรี เรือตรี หรือเรืออากาศตรี ขึ้นไป เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม และทาง พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ว่าจะคุมตัวไปปรับทัศนคติ 7 วัน อ้าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่คำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 ไม่มีฐานความผิดของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็น 1 ใน 27 ข้อ พอวันเดียวกัน ทนายความยื่นคำร้องว่ามีการขังโดยมิชอบ ก็มาทราบภายหลังว่าเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ส่งมอบให้ตำรวจเพื่อขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับ เราถือว่ามีความผิดปกติ

น.ส.คุ้มเกล้า กล่าวอีกว่า ถ้าได้ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 2 วันที่ผ่านมา เราถือว่า ทหาร หรือตำรวจได้ใช้อำนาจละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการกระทำที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เพราะหากเราจะดูตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่ได้อยู่ 1 ใน 27 ฐานความผิดตามคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 จะใช้คำสั่งดังกล่าวอุ้มคนมาคุมตัวโดยพลการไม่ได้ และสิทธิของญาติหรือทนายความที่จะพบผู้ต้องหาก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่กลับกีดกั้น มีการจัดหาทนายมาให้เอง ตนจึงพยายามเจรจาว่ากรณีนี้ต้องให้ผู้ต้องหาเลือกทนายความ

ทหารส่ง 8 ผู้ต้องหาให้ตร.ดำเนินคดี พบรับจ้างทำเพจต้านคสช.

ต่อมาเวลา 18.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง และ พ.อ.บุรินทร์ พล.ต.ต.สมบัติ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ผบก.สยศ.พร้อมคณะ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงพบการกระทำการที่เป็นการต่อต้านการทำงานของ คสช.รวมถึงรัฐบาล และผู้นำรัฐบาล โดยมีภาพและข้อความถูกเผยแพร่ทางเพจเฟซบุ๊กต่างๆ ซึ่งข้อความเหล่านั้นส่งผลให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ในระดับที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้น มีการยุยงปลุกปั่น โดยทางเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนติดตามจนพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วมกันกระทำผิดดังกล่าว

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหาร ได้เชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาซักถามปากคำ และได้ส่งตัวมามอบให้พนักงานสอบสวนรับไว้ดำเนินคดี โดยทาง พล.ต.วิจารณ์ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อ บก.ป.เพื่อดำเนินคดี ซึ่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้รับมอบตัวและควบคุมการสอบสวนดำเนินคดีด้วยตนเอง และทางผู้ต้องหาก็มีความประสงค์จะขอให้ทางสภาทนายความ จัดทนายความเข้ามาร่วมรับฟังการสอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า ส่วนรายละเอียดพฤติการณ์ นั้น สืบเนื่องจากมีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งแบ่งการทำงานออกเป็นขั้นตอน มีผู้บงการ มีผู้รับคำสั่ง มีหัวหน้า มีผู้ปฏิบัติในการทำเว็บเพจขึ้นมา โดยเริ่มจากผู้สั่งการคือ นายชัยธัช ต่อด้วยนายหฤษฎ์ ที่ทำเพจ “เรารัก พล.อ.ประยุทธ์ และเพจ ยูดีดีไทยแลนด์ ได้รับคำสั่งจากนายชัยธัช ได้เงินเดือนๆ ละ 28,000 บาท โดยนายหฤษฎ์ เป็นผู้คัดเลือกข้อมูลกำหนดแนวทางให้ นางณัฎฐิกา ก็จะมีทีมงาน 6 คน ประกอบด้วย นายนพเก้า ซึ่งดูแลเว็บเพจ “เรารัก พล.อ.ประยุทธ์” ประกอบข้อความส่งให้ นางฎัฎฐิกา มีการสื่อสารถึงกันทางช่องทางพิเศษ โดยจะได้รับเงินเดือน 16,000 บาท

รายต่อมา คือ นายวรวิทย์ จะทำหน้าที่อัพโหลดข้อความเข้าไปในเพจกลุ่มดังกล่าว ได้รับเงินเดือนจากนางณัฎฐิกา ได้รับเงินเดือน 16,000 บาท ส่วนนายโยธิน ทำหน้าที่ตรวจสอบการโพสข้อความในเว็บเพจยูดีดี ไทยแลนด์ ได้รับเงินเดือน 18,000 บาท ต่อไปคือ นายธนวรรธน์ ทำหน้าที่ดูแลเพจพีซทีวี เป็นโปรดิวเซอร์ แต่ไม่ได้รับเงินเดือนจากนางณัฎฐิกา เนื่องจากมีหนี้สินต่อกัน จึงทำงานใช้หนี้แทน ขณะที่ นายศุภชัย ทำหน้าที่ดูแลเพจ “เรารัก พล.อ.ประยุทธ์” เช่นกัน มีหน้าที่ตัดต่อรูปและส่งต่อข้อมูลให้นางณัฎฐิกา เพื่อโจมตีการทำงานของ คสช.ได้รับเงินเดือนๆ ละ 17,000 บาท

สำหรับนางณัฎฐิกา ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเพจ “เรารัก พล.อ.ประยุทธ์” และเป็นแอดมินเพจ ทั้งหมด 6 แห่ง ได้แก่ เว็บเพจ จตุพร พรหมพันธ์ (Jatuporn Prompan) , พีซทีวี (Peace TV.) ,เรารัก พล.อ.ประยุทธ์ , ยูดีดี ไทยแลนด์ (UDD Thailand) , เรด อินเทลิเจนซ์ (Red intelligence)  และ เรด เดมอคเคซี่ (Red democracy) นอกจากนี้แล้วยังรับจ้างทำเว็บเพจให้กับ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.โดยได้รับค่าจ้างจากนายหฤษฎ์ เดือนละ 110,000 บาท แล้วนำมาแจกจ่ายให้สมาชิกตามที่ระบุไว้ โดยจะเหลือเงินไว้ใช้จ่ายจำนวน 25,000 บาท

“พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ร้องทุกข์ บันทึกซักถามต่างๆ ที่ทหารส่งมา และสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด อย่างไรก็ดี ในส่วนของ นายหฤษฎ์ และนางณัฎฐิกา นั้น จากการตรวจสอบเว็บเพจส่วนบุคคลยังพบว่ามีการกล่าวก้าวล่วงไปยังสถาบันเบื้องสูง ซึ่งทาง พล.ต.วิจารณ์ ได้พิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกด้วย” พล.ต.ต.ชยพล กล่าว

ทั้งนี้ยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดทำอย่างรัดกุม และเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้ก็จะคุมตัวไปขออำนาจศาลทหารกรุงเทพ ฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมดต่อไป

จากการสอบสวนนายกัณสิทธิ์ ให้การรับสารภาพ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ขณะที่ในส่วนของจำนวนเงินที่ผู้ต้องได้รับเป็นค่าจ้างนั้น ทุกคนให้การรับสารภาพว่ารับเงินเป็นทอดๆจริง แต่จำนวนไม่ตรงกับที่มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมีเพียงนายหฤษฎ์เพียงคนเดียว ที่ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินค่าจ้างใดๆทั้งสิ้น

นางณัฎฐิกา กล่าวว่า ส่วนของค่าจ้างที่อ้างว่าตนได้รับนั้น ยืนยันว่ารับเงินจริง แต่รับจากบริษัทพีซ ทีวี ในการดูแลเพจ จตุพร พรหมพันธ์ (Jatuporn Prompan) และเพจพีซทีวี เป็นจำนวน 20,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น ส่วนที่ตนและนายหฤษฎ์ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมในความผิด ป.อาญา มาตรา 112 นั้น ตนข้องใจ เพราะตนและนายหฤษฎ์รู้จักกันผ่านเฟซบุ๊ก ไม่ได้สนิทสนมกันมาก่อน ซึ่งในการติดต่อกันพวกตนก็ไม่ได้พูดจาก้าวล่วงเบื้องสูงแต่อย่างใด เหตุใดจึงถูกดำเนินคดีหมิ่นสถาบันฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ได้มีการสืบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมแล้วหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ทางชุดสืบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการ อย่างน้อย 2 คน ส่วนจะเป็นระดับไหนนั้นอยู่ในสำนวนการสอบสวนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างไรก็ดี ขอยืนยันว่าหากพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงผู้ใด ทางเจ้าหน้าที่ก็จะพิจารณาดำเนินคดีทั้งหมด ไม่มียกเว้น ส่วนสาเหตุที่เว็บเพจในลักษณะล้อเลียนการทำงานของรัฐบาลมีมานานแล้ว และยังมีอีกหลายเว็บเพจ นั้น แต่ที่เพิ่งจะมาจับกุมและดำเนินคดีในช่วงนี้ ตนไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากเป็นการดำเนินการของฝ่ายทหารที่จะเข้ามาร้องทุกข์ให้ตำรวจตรวจสอบและดำเนินคดี อย่างไรก็ดีในส่วนของตำรวจก็มีหน่วยงานอาทิ บก.ปอท.ที่จะตรวจสอบและดำเนินคดีในความผิดลักษณะดังกล่าวอยู่แล้ว หรือหากมีผู้ใดพบการกระทำความผิดและจะแจ้งเบาะแสให้ตำรวจก็ยินดี


หลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.เปิดเผยว่า พวกตนเป็นห่วงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเดินทางมาร่วมหารือกับทางเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ พร้อมทั้งเข้าให้กำลังใจกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งจากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่ามีเพียง 1 ราย ที่รับสารภาพ ส่วนที่เหลือให้การปฏิเสธ โดยในคืนนี้ทั้งหมดจะถูกควบคุมตัวไว้ที่ บก.ป.ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำไปฝากขังต่อศาลทหารในวันที่ 29 เมษายนนี้ อย่างไรก็ดี ทางญาติและทนายความ ได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้เพื่อยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ ตนได้สอบถามผู้ต้องหาในระหว่างถูกคุมตัวของเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็ทราบว่าทั้งหมดไม่ได้ถูกกดดัน หรือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด

นายณัฐวุฒิ เปิดเผยด้วยว่า ภายหลังได้เข้าเยี่ยมและสอบถามผู้ถูกกล่าวหาแล้วก็ทำให้ตนสบายใจขึ้น ส่วนทางตำรวจได้ชี้แจงว่าขั้นตอนหลังจากส่งตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลทหาร ทางเจ้าหน้าที่ทหารจะไม่เกี่ยวข้อง

ต่อข้อถามถึงแผนผังการกระทำความผิดซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นำมาแสดง โดยมีการพิจารณาดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดต่อสถาบันเบื้องสูง นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในส่วนของข้อกล่าวหาดังกล่าว ตนยังไม่ได้รับทราบรายละเอียดต่างๆ จากทางเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ดี ตนคงต้องขอไปตรวจสอบภารกิจของพีซทีวี ที่มีการว่าจ้างผู้ถูกกล่าวหาบางรายในการดูแลเว็บเพจ แต่ตนยังเชื่อว่าการดำเนินการต่างๆ ของพีซทีวี เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา สามารถตรวจสอบได้

 “เรื่องนี้ปกติทางคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้บริหารสถานี จะปรึกษากันในระหว่างทำงานตลอดเวลา หากเจ้าหน้าที่ต้องการข้อมูลอะไร ก็สอบถามไปได้ทุกเมื่อ” นายณัฐวุฒิ กล่าว