posttoday

"มีชัย" ยันไม่มีร่างรัฐธรรมนูญสำรองหากไม่ผ่านประชามติ

10 กุมภาพันธ์ 2559

"มีชัย"ยืนยันไม่มีร่างรัฐธรรมนูญสำรองหากไม่ผ่านประชามติ เผยเตรียมปรับแก้เรื่องสิทธิชุมชน ย้ำระบบเลือกตั้งเหมาะสมแล้ว

"มีชัย"ยืนยันไม่มีร่างรัฐธรรมนูญสำรองหากไม่ผ่านประชามติ เผยเตรียมปรับแก้เรื่องสิทธิชุมชน ย้ำระบบเลือกตั้งเหมาะสมแล้ว

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีที่มีข้อเสนอจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะนำร่างฉบับนายมีชัยมาปรับแก้โดยไม่ต้องทำประชามติอีก โดยระบุว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้พิจารณา ไม่ใช่หน้าที่ของกรธ. ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบเรื่องนี้ จึงต้องไปถามคนที่พูดเอง พราะกรธ.อยู่ในช่วงรับฟังและจะปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญให้ดีขึ้น เช่น กรณีสิทธิชุมชนที่มีความกังวล ทางกรธ.ได้รับทราบแล้ว แต่จะปรับเปลี่ยนอย่างไร จะมีการพิจารณาอีกครั้ง

ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีร่างรัฐธรรมนูญสำรอง เพราะสิ่งที่เคยพูดว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน เห็นของใหม่แล้วจะตกใจนั้น เป็นการเพียงการเปรียบเทียบให้เห็นว่า ไม่ว่าอย่างไรคนที่มาร่างก็จะต้องมีการกำหนดบทบัญญัติซึ่งอาจจะแรงกว่า ไม่ใช่มีการเตรียมรัฐธรรมนูญสำรองเอาไว้ ต้องให้ประชาชนดูเนื้อหาจะได้เกิดความร่วมมือ แต่หากไปเผื่อหนทางไว้ล่วงหน้า จะเกิดปัญหาที่ทำให้ประชาชนเกิดการชั่งน้ำหนัก กรธ.จึงไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ที่อาจจะนำเอามาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญปี 50 เกี่ยวกับเรื่องสิทธิชุมชนกลับมาบรรจุไว้ทั้งหมด หรืออาจจะปรับปรุงในบางส่วน ซึ่งต้องชั่งน้ำหนัก เพราะมีหลายด้าน แต่ยืนยันหลักคิดเกี่ยวกับการกำหนดเป็นหน้าที่ของรัฐแทน ที่จะกำหนดเป็นสิทธิของประชาชน เพราะคนเริ่มรู้แล้วว่าการกำหนดเป็นหน้าที่ของรัฐดีอย่างไร ทำให้มีคนขอให้แปลงหลายเรื่องมาเป็นหน้าที่ของรัฐ จนกรธ.กังวลว่าหากกำหนดเช่นนั้นหมด จะเท่ากับมัดมือรัฐ และกรธ.คิดว่าการกำหนดเป็นหน้าที่รัฐให้หลักประกันกับประชาชนในเรื่องสิทธิมากกว่า และยืนยันว่าประชาชนยังมีสิทธิฟ้องรัฐ

ขณะเดียวกัน นายมีชัย หลีกเลี่ยงที่จะอธิบายถึงขั้นตอนการฟ้องร้องว่า ประชาชนจะมีสิทธิดำเนินการได้ทันทีเช่นเดียวกับมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญปี 50 ในการขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉินหรือยับยั้งโครงการได้หรือไม่ เพียงแต่ระบุว่าในแต่ละส่วนจะมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่มีเสียงท้วงติงว่าแม้ร่างรัฐธรรมนูญจะให้ความสำคัญปราบปรามการทุจริต แต่กลับให้ประธานรัฐสภาซึ่งเป็นนักการเมืองใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งศาลหรือไม่ กรณีสงสัยป.ป.ช.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ว่า ได้เห็นเนื้อหาส่วนนี้และบันทึกถึงข้อกังวลดังกล่าวไว้แล้ว รวมถึงมาตรา265 ที่มีถ้อยคำขัดแย้งกันเองในเรื่องกรอบเวลาของการร่างมาตรฐานจริยธรรมขององค์กรอิสระ ซึ่งจะต้องมีการปรับแก้ใหม่

ประธานกรธ. ยังกล่าวถึงข้อห่วงใยเรื่องสิทธิชุมชน องค์กรผู้บริโภค สิทธิผู้พิการ รวมถึงมาตรา 190 ที่เคยบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ 50 เป็นเรื่องที่กรธ.จะนำไปพิจารณา ซึ่งในส่วนมาตรา 190 เดิมมีอยู่แล้ว แต่เปลี่ยนมาตราไปเท่านั้น ทั้งนี้ ยังเชื่อว่าหากประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าไม่มีปัญหาในการทำประชามติ แต่ส่วนตัวไม่เคยพูดว่า ผลจากการทำประชามติ จะเป็นหลักประกันให้กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพียงแต่บอกว่าร่างรัฐธรรมนูญจะมีผลบังคับใช้ มีเงื่อนไขว่าต้องผ่านประชามติ. โดยหลักจากนี้จะทยอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับปรุงเนื้อหา ก่อนจะถึงการกำหนดร่างสุดท้ายที่จะไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมได้อีกในวันที่ 29 มี.ค. แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า จะรับฟังความเห็นจนถึงวันไหน ก่อนที่จะเห็นร่างสุดท้าย

สำหรับระบบเลือกตั้ง กรธ.ยังเห็นว่าการใชับัตรใบเดียวสะท้อนเลือกสส.เขต สส.บัญชีรายชื่อ และนายกรัฐมนตรี เหมาะสมแล้ว เพราะมีการสำรวจความเห็นประชาชนมาแล้วต่างเห็นด้วย ส่วนที่มีการท้วงติงว่าจะทำให้เกิดการซื้อเสียงมากขึ้นนั้น ก็ต้องถามกลับว่ามีระบบใดที่จะทำให้ไม่เกิดการซื้อเสียง แต่เชื่อว่าผลจากระบบนี้จะทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้น เพราะเสียงของประชาชนมีความหมายมากขึ้นทำให้การซื้อเสียงเป็นไปได้ยากขึ้น ทั้งนี้ ยืนยันว่าหลังจากร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ไม่มีความกังวลใจใดๆ เพราะได้พยายามทำให้ดีที่สุด รวมทั้งรับฟังความเห็นประชาชน จึงไม่ทุกข์