posttoday

องอาจปัดจับมือเพื่อไทยคว่ำรัฐธรรมนูญ-จี้ปรับเรื่องสิทธิ

02 กุมภาพันธ์ 2559

องอาจ​ปัดตีสองหน้าร่างรธน. ยันไม่จับมือพท.คว่ำร่าง รธน. ​​วอน กรธ. ปรับเรื่องสิทธิชุมชนไม่ให้น้อยกว่ารัฐธรรมนูญ50

องอาจ​ปัดตีสองหน้าร่างรธน. ยันไม่จับมือพท.คว่ำร่าง รธน. ​​วอน กรธ. ปรับเรื่องสิทธิชุมชนไม่ให้น้อยกว่ารัฐธรรมนูญ50

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า กรณีนายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ​พาดพิงว่าพรรคประชาธิปัตย์ มีท่าทีตีสองหน้า เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ท่าทีของพรรคชัดเจนมาตลอดว่าจะติดตามและพิจารณาเนื้อหา ซึ่งในขณะนี้ยังเป็นเพียงร่างแรก จึงควรให้ประชาชนได้รับรู้ ข้อดีข้อด้อย ในร่างนี้ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อร่วมศึกษาด้วยกัน และเสนอแนะข้อด้อย เพื่อให้ กรธ. ปรับเปลี่ยนให้เป็นรัฐธรรมนูญที่มีความสมบูรณ์

“ดังนั้น จึงไม่ใช่เวลาที่จะบอกว่าเห็นด้วยหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญยังร่างไม่แล้วเสร็จ เปรียบเหมือนคนกำลังทำข้าวผัด แค่ใส่ข้าวกับน้ำมันลงกระทะ ยังไม่ได้ปรุงรส แต่กลับมาบอกว่าข้าวผัดไม่อร่อย มันน่าแปลก”นายองอาจกล่าว

นายองอาจ กล่าวอีกว่า ​ส่วนที่มีบางฝ่ายประกาศท่าทีว่าจะคว่ำรัฐธรรมนูญ ในการทำประชามตินั้น ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแต่ละพรรคที่จะมีจุดมุ่งหมาย เพื่ออะไรอย่างไร แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ขอก้าวล่วง เช่นเดียวกับท่าทีของพรรค ที่ไม่ควรมาก้าวล่วง ขอให้สังคมช่วยพิจารณา เพื่อที่จะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน

นายองอาจ กล่าวอีกว่า กรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย  รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุชวนพรรคประชาธิปัตย์จับมือคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถ้าเห็นพ้องต้องกันว่า ในพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็มีความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญต่างกัน ดังนั้น พรรคใด ประสงค์ที่จะดำเนินการอย่างไร จะไปจับมือกับใครก็ทำไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีแนวคิดที่จะจับมือกับใคร ในกรณีนี้ เพราะเป็นแค่ร่างแรกที่ กรธ. สามารถปรับเปลี่ยนให้สมบูรณ์ที่สุดได้  และคิดว่า กรธ. ควรรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

นายองอาจ กล่าวว่า ​กังวลในเรื่องของสิทธิชุมชน ที่ในร่างนี้ ถูกละเลย โดยไปบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องดำเนินการจัดการให้ ขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และปี 2550 มีการบัญญัติในเรื่องดังกล่าวชัดเจน เพื่อให้สิทธิประชาชนในการปกป้อง อนุรักษ์ และรักษาในสิทธิชุมชน จึงไม่ควรลดน้อยลงกว่าอดีต

ทั้งนี้ ​ต้องยอมรับว่า สังคมไทย ยังยึดอยู่กับพื้นฐานแนวคิด ของผู้มีอำนาจ และข้าราชการว่าเป็นเจ้าของสิทธิ  การระบุให้เป็นหน้าที่ของรัฐ ​จึงห่วงว่า จะไม่สามารถปฏิบัติใช้ได้จริง เพราะคนเหล่านี้ยังถือว่าเป็นเจ้าของอำนาจ จึงควรปรับเนื้อหาให้ชัดเจน โดยจะต้องมีเนื้อหาที่ครอบคลุมและคุ้มครองไม่น้อยกว่า ฉบับปี 2550