กรธ.ไม่บัญญัติ "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ" ในร่างรธน.
กรธ.ไม่ใส่คำว่า "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ" ในร่างรธน. ชี้เป็นอันตรายระยะยาว มอบอำนาจศาลรัฐธรรมนูญแก้ปัญหามาตรา7
กรธ.ไม่ใส่คำว่า "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ" ในร่างรธน. ชี้เป็นอันตรายระยะยาว มอบอำนาจศาลรัฐธรรมนูญแก้ปัญหามาตรา7
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. การประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นอกสถานที่ที่โรงแรมเลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟคลับ ชะอำ จ.เพชรบุรี วันแรกได้เริ่มตั้งแต่เวลา 9.00น. ทั้งนี้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนสามารถเข้าร่วมรับฟังการประชุมของคณะกรธ. แต่ขอความร่วมมือโดยห้ามบันทึกภาพและเสียงระหว่างการประชุมในเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา
สำหรับการประชุมในวันนี้ได้เริ่มต้นตั้งแต่มาตรา 1 ว่าด้วยบททั่วไป โดยที่ประชุมกำหนดให้การปฎิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม ประโยชน์ส่วนร่วมและความผาสุก
ต่อมาได้มีกรรมการกรธ.ได้สอบถามว่าจะมีการนำมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 ว่าด้วยการให้วินิจฉัยกรณีที่ไม่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญบังคับใช้ไปตามประเพณีการการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งฝ่ายเลขานุการได้ชี้แจ้งว่าจะนำบทบัญญัติดังกล่าวไปบัญญัติไว้ในหมวดของศาลรัฐธรรมนูญแทน เพื่อกำหนดให้มีองค์กรมาทำหน้าที่และกระบวนการวินิจฉัยชี้ขาดให้ชัดจากเดิมที่มีการบัญญัติไว้ลอยๆจนเป็นมีปัญหาในการบังคับใช้
จากนั้นเข้าสู่การพิจารณาในหมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันว่าองค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆมิได้ และพระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งพระพุทธมามกะและทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบร่วมกันว่าจะไม่บัญญัติคำว่า "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ" ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่าหากใส่ถ้อยคำดังกล่าวไว้จะเป็นอันตรายในระยะยาว แต่จะไปกำหนดบทคุ้มครองและส่งเสริมศาสนาในส่วนของร่างรัฐธรรมนูญต่อไป


