posttoday

นายกฯ เร่งสร้างเอสเอ็มอีใหม่กว่าหมื่นรายภายในปี 2561

25 พฤศจิกายน 2558

"ประยุทธ์"ย้ำสถานศึกษา หน่วยงานรัฐ จับมือให้ความรู้ พัฒนาวิจัยเพิ่มศักยภาพ วอน อาจารย์เข้าใจสถานการณ์ สอนคนรุ่นใหม่รู้หน้าที่ อย่าคิดแค่สิทธิเสรีภาพประชาธิปไตยอย่างเดียว

"ประยุทธ์"ย้ำสถานศึกษา หน่วยงานรัฐ จับมือให้ความรู้ พัฒนาวิจัยเพิ่มศักยภาพ  วอน อาจารย์เข้าใจสถานการณ์ สอนคนรุ่นใหม่รู้หน้าที่ อย่าคิดแค่สิทธิเสรีภาพประชาธิปไตยอย่างเดียว

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสร้างผู้ประกอบการใหม่ เชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม ระหว่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลจำนวน 9 แห่ง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย โดยมีเป้าหมายสร้างผู้ประกอบการรายใหม่หรือกลุ่มใหม่ที่เริ่มดำเนินธุรกิจภายในปี 2561 จำนวน 1 หมื่นราย ทั้งนี้ภายหลังพิธีลงนามนายกรัฐมนตรีได้เดินเยี่ยมชมนิทรรศการบริเวณโถงกลางตึกสันติไมตรีที่มีผู้ประกอบการนำธุรกิจมาจัดแสดง

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ยินดีที่ได้ยืนตรงนี้ในการลงนามบันทึกข้อตกลงวันนี้ ดีใจที่รัฐและเอกชนและสถานบันการศึกษา ธนาคารมีการร่วมมือกัน ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ และรัฐบาลได้กำหนดว่าเอสเอ็มอีเป็นวาระแห่งชาติ สอดคล้องสถานการณ์โลกและปัจจัยภายในประเทศ โดยตลอดที่มีการประชุมระดับโลกทีการพูดเรื่องนี้ในทุกเวที จึงต้องให้ความสำคัญเพราะถือเป็นฐานรากของเศรษฐกิจและประชาคมโลก ดังนั้นจึงต้องมีโรดแมปที่ชัดเจนว่าเดินหน้าเรื่องนี้อย่างไร ที่ผ่านมามีแผนพัฒนาเศรษฐกิจมาแล้ว 11 ฉบับ แต่เดินหน้าไม่ได้ ฉบับที่ 12 จึงต้องเดินหน้าให้ได้จริง ต้องไปข้างหน้าแลย้อนเอาเรื่องอดีตมาดูและทำให้เข้มแข็งด้วย และนอกจากการเข้าหาแหล่งเงินทุน ยังต้องให้ความสำคัญด้านอื่นด้วย เช่น การให้ความรู้ การเพิ่มการวิจัยพัฒนา ซึ่งเป็นกรอบงานเศรษฐกิจทั้งสิ้น ที่ผ่านมาทำงานแบบหน่วยงานของใครของมัน จึงไม่เป็นผลสัมฤทธิ์ จับต้องไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมายืนตรงนี้ วันนี้มีปัญหาด้านเศรษฐกิจเพราะมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกก็ต้องช่วยกัน
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการสร้างผู้ประกอบการแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.ผู้ประกอบการใหม่ เปิดธุรกิจเกิน 3 ปีไปแล้ว ต้องช่วยให้เกิดความเข้มแข็ง ให้ความรู้และควบคู่กับการสนับสนุนให้เข้าถึงแหล่งทุน เริ่มต้นอย่างถูกทาง 2.กลุ่มที่ประกอบการแล้วมีปัญหา ต้องช่วยหาวิธีเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินทั้งเก่าและใหม่ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในการประกอบการ ไม่ใช่มุ่งเน้นการสร้างกำไร เพราะจะเป็นช่องระหว่างคนมีรายได้มากและคนมีรายได้น้อย เพื่อให้การบริหารงานเกิดเป็นรูปธรรม 3. ผู้ประกอบการเดิมที่ต้องมีการส่งเสริมปรับรูปแบบการเรียนรู้ เพราะบางเรื่องสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดข้อติดขัดและเดินต่อไปไม่ได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ตัวบุคคล จึงต้องสร้างความเข้มแข็ง เพราะถ้าเราไม่เข้มแข็งพอก็ต้องไปทำตามสิ่งที่คนอื่นกำหนดทั้งหมด เมื่อผู้ประกอบการเข้มแข็ง เขาก็เห็นคุณค่าของเราเอง ทั้งนี้อยากให้มีการจดทะเบียนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้ง 3 ล้านรายภายในปี 2559 โดยในปี 2560 จะได้มีการพัฒนาต่อไป ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนไม่ตำหนิใคร แต่ขอตำหนิผู้บริหารทั้งหมด จากพีระมิดบนสูงล่างต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา แต่การแก้ปัญหาทำไม่ได้ เพราะเราติดแต่ทำพิธีการ มีนายกฯมาเปิด-ปิดงานแล้วจบไป มันไม่ใช่ วันนี้เป็นการเปิดงานที่เป็นรูปธรรม เพราะตนจะต้องมีการติดตามงานด้วยตลอด
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การดำเนินงานทุกฝ่ายทั้งสถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ การวิจัยและพัฒนาให้เกิดความเชื่อมโยงกัน ในการขับเคลื่อนงาน หลายคนอยู่เกี่ยวข้องกับเรื่องการศึกษา ต้องตั้งต้นที่การเคารพกฎหมาย ต้องสร้างความเชื่อมโยงให้คนรุ่นใหม่ รู้จักมีสิทธิเสรีภาพ แต่ไม่รู้จักหน้าที่ ต้องมีวินัยไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลัก ถูกกฎหมายหรือไม่ไม่เป็นไร ขอให้ได้เงินมา เราต้องขจัดปัญหาที่ทำให้การประกอบการติดขัดให้หมดไป เพราะที่ผ่านมามีความทับซ้อนในการใช้อำนาจบริหาร ทำให้ข้าราชกสรเดินหน้าไปไม่ได้ สิ่งเหล่านี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก เรื่องที่เสนออยู่ในสื่อ ตนไม่ได้ดำเนินการอะไร แต่ให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม เพราะจะพูดมากก็ไม่ได้ ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานไป
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง ตนวางพื้นฐานไว้แล้ว จะมาล้มไม่ได้ เพราะถือว่าปล่อยให้เป็นปัญหาเพียงพอแล้ว แต่ต้องการให้เป็นไปตามโรดแมปวางพื้นฐานเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งภายในประเทศและสอดคล้องสภาพเศรษฐกิจโลก อย่าคิดแค่จะให้นักการเมืองตีเช็คให้เปล่า เพราะไม่รู้ว่าเมื่อเป็นประชาธิปไตยมีการเลือกและมีแทนเข้ามาแล้วไม่รู้ว่าจะเข้ามาทำต่อได้หรือไม่ คิดแต่ว่าเลือกตั้ง มีผู้แทนแต่จะทำหน้าที่สมบูรณ์หรือไม่ ไม่ได้ดูว่าคนดีหรือเลว รักคนไหนก็คนนั้น เราต้องล้างให้การเมืองใสสะอาด บริสุทธิ์ เพื่อเป็นการปฏิรูปในเรื่องนี้
 
 
นายกฯก กล่าวอีกว่า ตนเป็นทหาร เจอชาวบ้านและดูแลมาตลอด สงสารเขาทำอย่างไรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นหน้าที่พวกเรา รัฐบาลต้องเป็นผู้ผิดชอบหลัก จึงต้องการให้มีรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เอาใจใส่ทุ่มเท หรืออย่างน้อยต้องเริ่มต้นให้ได้ อย่าให้พังทลายในวันหน้าอีก ที่ผ่านมาตนก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร แต่ทำเพื่อคนไทย ส่วนเรื่องประชาธิปไตยไม่ได้เอาไปพูดในเรื่องเศรษฐกิจและการลงทุนและยังเป็นมิตรที่ดีกับชาวต่างชาติ เพราะเราทิ้งใครไม่ได้ แต่ด้วยประเทศเขาเป็นประชาธิปไตยก็ต้องพูดไปอย่างนั้น แต่เรื่องการค้าลงทุนยังเหมือนเดิม ขออย่าให้ความสำคัญจนขาดความมั่นใจ แต่คนไทยเอาเรื่องเศรษฐกิจมาเกี่ยวโยงกับการเมือง ยืนยันทำทุกอย่างเพื่อคนไทย คนที่มาลงทุนและมาท่องเที่ยวในไทย
 
 
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ต้องรื้อปัญหาทั้งหมด โดยสิ่งสำคัญคือการศึกษาทุกระดับต้องเชื่อมโยงกันหมดว่าประเทศต้องการอะไร ที่ผ่านมามีการไม่เคารพกฎหมาย มีการอ้างเรื่องประชาธิปไตย ครูอาจารย์บางคนก็ไม่เข้าใจในเรื่องนี้ จนทำความเสียหายต่อประเทศมากกว่าตนเสียอีก เพราะทำให้เกิดความเข้าใจผิด วันนี้มีรัฐถาธิปัตย์ใช้ทั้งการบริหารราชการแผ่นดิน ใช้กฎหมายก็ยังแก้ไขไม่ได้ในบางเรื่อง ซึ่งหลายเรื่องมีความเชื่อมโยงกันหลายส่วน จึงต้องใช้กระบวนการยุติธรรมเข้าไปดำเนินการ ตนเพียงแต่รวบรวมมาทำ เพราะมีหลายคดี แต่กลายเป็นว่าตนไปเร่งรัด หรือจะให้ปัญหาสะสมต่อไปหรือ วันนี้เอามาเป็นการเมืองทั้งสิ้นประเทศ ทุกอย่างเป็นการเมืองทั้งหมด
 
"ผมไม่เคยปฏิเสธที่มาของผม และพร้อมเชิดหน้าสู้เพราะผมเข้ามาทำความดี  แต่ถ้าหลายคนอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็เอา ที่บอกขอเวลาอีกไม่นาน ก็เป็นไปตามนั้น ตามวาระ 2560  แต่ตอนนี้ยังไม่เสร็จ หากการขับเคลื่อนเอสเอ็มอีเกิดความเข้มแข็ง และการขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้า ทุกคนทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำงาน ให้คุ้มกับที่ผมเสี่ยงชีวิตเข้ามา ก็พอใจแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์ เลย เสียเวลา เสียกำลังใจ เสียสุขภาพ ชีวิตส่วนตัว วันนี้ข้าราชการเขาระวังตัว เพราะกลัววันหน้าการเมืองเข้ามาจะเดือดร้อนอีก สิ่งเหล่านี้ก็กระทบการเดินหน้าทำงาน ต้องเข้าใจว่ามีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทับซ้อนทั้งประชาธิปไตย เศรษฐกิจและความมั่นคง การเดินหน้าต่างๆ มันทับซ้อนกันไปหมด ขณะนี้การสร้างความขัดแย้งพร้อมที่จะเกิดขึ้นตลอด มีข่าวออกมาว่ามีการสร้างหลักฐานเท็จ และการกล่าวหาต่างๆ ไม่รู้จะทำให้ผมอกแตกตายก่อนหรืออย่างไร เพราะโมโห ผมไม่ใช่คนใจเย็น มันเย็นไม่ได้ เพราะประเทศรอไม่ได้ พยายามพูดให้ต่างชาติเข้าใจ การค้าขายเขาไม่ได้รังเกียจผม มีแต่ภาคการเมืองทั้งที่อยู่ในและต่างประเทศที่โจมตีผม ซึ่งไม่รู้ว่าเขาไม่อยากให้ประเทศเข้มแข็งหรืออย่างไร หรือเพราต้องการให้ประเทศอ่อนแอเพื่อทำให้ชักจูงได้ง่าย การเมืองก็คือการเมือง การทำงานก็คือการทำงาน ไม่มีพวก ไม่มีเพื่อน ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง พวกไม่ดีก็อย่าเอามาทำงานใหญ่ อย่างพี่ผมเขาก็เข้ามาช่วยกันทำงาน แต่พอมีใครขับรถผ่านไปหน้าบ้าน แค่ขับรถผ่าน ยังไม่ได้เข้าบ้านก็หาว่าไปเข้าพบ ไปวิ่งเต้น อย่างคนที่ถ่ายรูปกับผมก็เหมือนกัน ผมถ่ายรูปกับคนแยะเยอะ วันหน้าอย่าลบแล้วบอกว่าไม่รู้จักกันก็แล้วกัน พอผมบอกว่าเหนื่อยก็มีพวกการเมืองถามว่าจะเข้ามาทำไม ก็ขอโทษแล้วกัน ที่เข้ามาเพราะทนเห็นประชาชนเดือดร้อนไม่ได้ ไม่อยากให้ประเทศเป็นรัฐล้มเหลว หากไม่เข้ามาไปถึงจุดนั้นแน่ จะมีสงครามกลางเมืองและมีเพื่อนๆ เข้ามาช่วยเหมือนกับที่เกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้ ขอให้อดทนอีกสักระยะหนึ่งเพราะสิ่งที่ทำไว้มันไม่มีความก้าวหน้า วันนี้อดทนกับผมหน่อยเพื่อทำให้เกิดความก้าวหน้า ขอโทษที่พาดพิงใครให้เกิดความเสียหาย อย่าเสียใจ ผมก็เสียใจเพราะผมไม่มีเจตนา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว