posttoday

จ่อร้องนายกฯถูกนายทุนออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ทำกิน

11 พฤศจิกายน 2558

ชาวบ้านเมืองอุบลฯ เตรียมร้องนายกฯ ถูกนายทุนอดีตนักการเมืองออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ทำกิน กัดฟันสู้มากว่า 20 ปี จนศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้ชนะแต่กลับถูกยื้อ จี้กรมที่ดินเร่งทำตามคำสั่งศาล

ชาวบ้านเมืองอุบลฯ เตรียมร้องนายกฯ ถูกนายทุนอดีตนักการเมืองออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ทำกิน กัดฟันสู้มากว่า 20 ปี จนศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้ชนะแต่กลับถูกยื้อ จี้กรมที่ดินเร่งทำตามคำสั่งศาล

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. นายวิทยา แก้วบัวขาว ชาวบ้านตำบลหนองกินเพล อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่าในวันที่ 12 พ.ย. ตนและชาวบ้านหนองกินเพล จังหวัดอุบลราชธานี เตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ระหว่างเดินทางมาราชการในจังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ เพื่อขอให้เร่งรัดให้กรมที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยมิชอบทับที่ของตน

นายวิทยา กล่าวว่า ตนเป็นลูกของนายโทน แก้วบัวขาว โดยพ่อของตนได้เข้าจับจองที่ดินทำกินตั้งแต่พ.ศ.2510 โดยมีเอกสารใบจับจองชัดเจนและทำประโยชน์ในที่ดินมาโดยตลอด ต่อมาเมื่อปี 2512-2513 ได้มีนายทุนที่เป็นนักการเมืองเข้ามาหาเสียงในหมู่บ้านโดยอ้างว่าหากเลือกเขาเข้าไปเป็นส.ส.จะดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ให้ และต่อมาเมื่อนักการเมืองรายนี้ได้รับเลือกตั้งก็ให้ชาวบ้านไปร่วมกันลงชื่อที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน

“ ขณะนั้นมีการออกเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้าน 5 ราย และได้เปลี่ยนจากการขอออกโฉนดให้ชาวบ้านเป็นการขอซื้อแทน ชาวบ้านบางส่วนยอมขาย แต่ส่วนใหญ่ไม่ขาย ที่สำคัญคือคนที่ขายก็ไม่ได้เงินเพราะจ่ายเป็นเช็ค แต่เช็คเด้ง พ่อของผมไม่เคยขายที่ดินผืนนี่เลย แต่กลับถูกนำไปออกโฉนดทับโดยสำนักงานที่ดินอำเภอวารินฯ ซึ่งครั้งนั้นได้มีการออกโฉนดให้นายทุนถึง 1 หมื่นไร่ ผมได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานต่างๆมานานนับสิบปี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงได้ทูลเกล้าถลายฎีกาผ่านสำนักราชเลขาธิการฯและสำนักราชวัง และได้รับคำแนะนำให้ฟ้องกรมที่ดินต่อศาลปกครอง เพื่อให้ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์”นายวิทยา กล่าว

นายวิทยา กล่าวว่า ตนจึงยื่นฟ้องกรมที่ดินตั้งแต่ปี 2549 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2558 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกมาทับที่ของตน โดยให้ดำเนินการภายใน 90 วัน แต่จนบันนี้เลย 90 วันแล้ว สำนักงานที่ดินอำเภอวารินฯก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ และยังขอขยายเวลาออกไปอีก 90 วัน

“ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี  เพราะกว่า 20 ปีที่ต่อสู้มา เราต้องทุกข์ลำบาก แม่ผมได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจเป็นอย่างมากจนล้มป่วยและเสียชีวิตเมื่อปี 2553 ลูกคนโตต้องลาออกจากโรงเรียน ผมเองก็ต้องติดคุกเพราะถูกเขาฟ้องต่อศาลยุติธรรมว่าบุกรุกที่ ทั้งๆที่เป็นที่ดินของผมเอง แต่แทนที่เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งออกมาแล้ว หน่วยงานราชการจะเร่งกันให้ความเป็นธรรมและเยียวยาพวกเรา กลับยื้อออกไปอีก” นายวิทยา กล่าว

นายวิทยา กล่าวว่า ที่ดินที่บิดาได้มอบให้ตนนั้นมีจำนวน 80 ไร่ แต่นายทุนได้แบ่งขายเป็นแปลงๆ แต่ไม่มีใครเข้ามาทำประโยชน์เพราะตนใช้ทำมาหากินอยู่ ซึ่งหลายครั้งที่ผู้ซื้อคนต่อมาเข้ามาถาม ก็บอกว่าที่ดินผืนนี้เป็นของตน บางคนเมื่อทราบก็เอาไปหลอกขายผู้อื่นอีกทอด อย่างไรก็ตามในส่วนของชาวบ้านรายอื่นๆนั้น เดิมทีมีหลายสิบครอบครัวได้ร่วมกันต่อสู้ แต่ต่อมานายทุนได้เข้ามาเจรจาต่อรอง เช่น บางรายมีที่ดิน 30 ไร่ นายทุนบอกว่ายอมคืนให้ 15 ไร่และอีก 15 ไร่ให้ซื้อคืนในราคาถูก ซึ่งชาวบ้านก็ยอม เพราะไม่อยากขึ้นศาล แต่มีชาวบ้านอยู่ 8 ราย ที่ร่วมกันต่อสู้และไม่ยอมซื้อคืนเพราะถือว่าเป็นที่ดินของตัวเอง

“ผมคิดว่าการออกเอกสารสิทธิ์ให้นายทุนครั้งนี้ มีความไม่ชอบมาพากลอยู่มาก เพราะเป็นการออกโฉนดทับที่ดินชาวบ้านนับหมื่นไร่ โดยที่ชาวบ้านไม่ทราบมาก่อน เรื่องนี้ดีเอสไอก็ลงมาตรวจสอบแล้ว และยืนยันว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ดังนั้นภาครัฐจึงน่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหาผู้กระทำความผิดด้วย เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอย่างแสนสาหัส”นายวิทยา กล่าว