posttoday

บิ๊กตู่ย้ำต้องใช้คำสั่งทางปกครองทวงค่าเสียหายจำนำข้าว

13 ตุลาคม 2558

พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันต้องใช้คำสั่งทางปกครองในการทวงค่าเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว ไม่เช่นนั้นจะถูกหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันต้องใช้คำสั่งทางปกครองในการทวงค่าเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว ไม่เช่นนั้นจะถูกหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้ได้มีการพิจารณาประเด็นสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่อง คดีความต่างๆ ซึ่งมีทั้งที่รัฐบาลตกเป็นจำเลยกับบริษัทต่างๆที่มีการฟ้องร้องรัฐบาลมา 10 กว่าปี หลายรัฐบาลมาแล้ว ขณะนี้เริ่มจะส่งผล ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้มาโดยตลอด ซึ่งย้ำอีกครั้งว่าตนไม่ได้เป็นคนทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมา แต่กำลังพยายามแก้ว่าจะทำอย่างไรให้ลดความเสียหายลง ทั้งเรื่องโทลเวย์ การทางพิเศษ คลื่นความถี่ต่างๆ และมีเรื่องต่างประเทศด้วย มีการฟ้องรัฐบาลทั้งสิ้น แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดในรัฐบาลของตน ซึ่งมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก วันนี้เราต้องหาทางออกให้ได้

"ที่สำคัญมีคดีที่รัฐบาลนี้จำเป็นต้องดำเนินการ ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้พูดไปแล้วเกี่ยวกับคดีรับจำนำข้าว ไม่ได้พูดว่าระดับผู้บริหารจะผิดหรือถูกยังไม่รู้ จะต้องไปพิสูจน์กันต่อไป แต่สิ่งที่เราปล่อยไม่ได้ คือมันมีกฎหมายที่เกี่ยวกับการละเว้น การกระทำต่างๆ ซึ่งระยะเวลามีจำกัดภายใน 2 ปี จึงเป็นหน้าที่ของผมในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องส่งเรื่องไปเท่านั้นเอง คือมีมาตรการทางการปกครองเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งกฎหมายมีอยู่แล้ว ไม่ใช่บัญญัติกฎหมายใหม่ขึ้นมา และไม่ได้มาตรา 44 เพราะคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องกับนักการเมืองจะเข้าสู่ศาลปกครองทั้งสิ้น

"ตอนแรกผมเองก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อทบทวนแล้ว เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องทางด้านปกครอง ผมก็อยู่ในตำแหน่งตรงนี้ถ้าอยู่ในภาวะรัฐบาลปกติก็จะไปฟ้องกับศาลปกครอง ซึ่งก่อนจะฟ้องไปยังศาลปกครองก็จะมีกฎหมายอยู่ตัวหนึ่งที่บัญญัติว่าผู้รับผิดชอบในปัจจุบันจะต้องดำเนินการต่อการกระทำผิด เสร็จแล้วก็อาจจะมีการไปฟ้องศาลปกครองสู้กันไปมา อาจจะใช้เวลายาวนานก็แล้วแต่ เพราะการเรียกร้องค่าเสียหายใช้เวลาเป็น 10 ปี ผมจึงบอกว่าจะพยายามไม่ใช้กฎหมายพิเศษ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาทับซ้อนไปเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้ โดยต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เพราะผูกพันเกี่ยวกับเรื่องผลผลิตทางการเกษตรด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีโครงการรับจำนำข้าวนั้นอยากให้ทุกคนไปดูในข้อกฎหมาย ยืนยันว่าจะไม่มีการใช้กฎหมายพิเศษ อย่าลืมว่ากฎหมายมีหลายอย่าง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีก็มี มาตรการทางการปกครองกับเจ้าหน้าที่ในการกระทำความผิด ขั้นตอนที่ 1 มันต้องทำเพราะเป็นกฎหมาย มาตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งกฎหมายยังคงมีอยู่จะละเว้นไม่ได้ รวมทั้งเรื่องการเรียกค่าเสียหายต่างๆ แต่ถ้าเรียกไปแล้วไม่จ่าย ไม่ยอมรับก็ไปฟ้องศาลปกครองต่อ แต่วันนี้เราต้องทำตรงนี้เพราะจะปล่อยเวลาให้เกิน 2 ปีไม่ได้ ปัญหาการรับจำนำข้าวมีมาตั้งแต่ปี 55/56 และ 56/57 เดี๋ยวมันจะหมดอายุ แล้วในวันข้างหน้าตนก็จะโดนอีกว่าทำไมไม่ทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีนั้น มีวัตถุประสงค์อะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ท่านคงไม่ได้เป็นคนเขียนเอง คงเป็นคำแนะนำจากฝ่ายทนายความ ซึ่งท่านก็ต้องฟังฝ่ายกฎหมายของท่านซึ่งเขาก็เข้าใจและตีความไปแบบนั้น กฎหมายฉบับเดียวอย่าคิดว่าจะตีความแบบเดียวกันถึงได้มีการต่อสู้ มีทนาย มีศาลในการตัดสิน ยิ่งเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลและฝ่ายค้านก็มักจะตีความต่างกัน ทำให้ทะเลาะกันแบบนี้"

เมื่อถามว่า จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวมีการตีความว่าการใบ้มาตรการทางการปกครองจะต้องบังคับใช้กับผู้ใช้บังคับบัญชา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎหมายเขียนไว้ชัดเจน ในช่วงแรกนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เรื่อง คือ 1.การทุจริตการจำนำข้าวและ 2. การดำเนินการซื้อขายในลักษณะรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบ แต่ตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลก็ต้องเป็นคนเสนอเรื่องร่วมกับรมว.คลังในเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องตนกับรมว.พาณิชย์ก็ต้องเป็นผู้เสนอเรื่องตามกฎหมาย ในการจะเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ถ้าเขาไม่จ่าย ตนก็ไม่มีอำนาจไปทำอะไร และผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องไปฟ้องศาลกลับมาอยู่แล้วก็ต้องไปสู้กันในชั้นศาลปกครอง ซึ่งก็จะมีศาลปกครองชั้นต้น ชั้นสูงสุด ส่วนจะจ่ายหรือไม่จ่าย ตนก็ไม่รู้

เมื่อถามว่า มองเจตนาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในการเขียนจดหมายเปิดผนึกอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อก็ไปคิดเอาเอง ไม่ต้องมาถามตน เพราะตนไม่ได้เป็นคนเขียน ซึ่งอาจจะเป็นฝ่ายกฎหมายของอดีตนายกรัฐมนตรีที่เขียนขึ้นมาเพื่อให้สื่อได้มาถามตนแทน ซึ่งคนเป็นทนายความก็ต้องรู้ว่ากฎหมายที่มีอยู่ว่าอย่างไร ในเมื่อมันเป็นอำนาจหรือไม่เคยเสนอให้รัฐบาลที่แล้วรู้ว่ามันมีอะไรอยู่บ้างก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้มันมีหลายอย่างประกอบกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีได้ลงนามสรุปยอดเงินที่เป็นเงินค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้สรุป เพราะยังไม่ได้ข้อยุติอะไรเลย จะต้องมีการสำรวจให้ได้ข้อชัดเจนให้มากขึ้น ก็ต้องตีเส้นว่าวันสุดท้ายที่จะส่งเรื่องโดยที่ยังไม่เกินกำหนดระยะเวลา และเราต้องหามาตรการที่รัดกุมในการที่จะทำสห้เกิดความชัดเจน ว่าไม่ได้เป็นการรังแกหรือกลั่นแกล้งกัน ถ้าจะฟ้องก็ต้องถึงเวลาก่อน วันนี้ต้องเคลียร์ให้ได้ก่อนว่ามีความเป็นไปเป็นมาอย่างไร ข้าวเสียหายเท่าไหร่ ความเสียหายมันเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่เรามันก็ไม่สามารถผลีผลามขายได้เพราะเป็นของกลางในคดีด้วยก็ต้องระมัดระวัง ต้องมีการขออนุมติหลักการในการที่จะขาย ราคาก็ลดลงเรื่อยๆ   ก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไรที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ต้องไปหาข้อมูลกันในศาล

"เรื่องเหล่านี้มันเกี่ยวข้องในเชิงนโยบาย ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไรก็ต้องไปว่ากันมาด้วยหลักฐานด้วยกฎหมาย จากที่ฟังอาจารย์วิษณุ ชี้แจงจับความได้ว่า ใครก็ตามที่เป็นหัวหน้าในนโยบายจะต้องรับผิดชอบตามที่กฎหมายเขียนไว้หากมีการเสียหาย เป็นมาตรการทางการปกครอง แต่จะรวมเรื่องทุจริตหรือเปล่าไม่รู้ จะรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ และมันเกิดการทุจริตขึ้นเมื่อไหร่ก็เป็นอีกคดีหนึ่ง ทั้ง 2 เรื่อง จึงแยกออกเป็นเรื่องของการขายข้าวไปยังต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในส่วนของกระทรวงการคลังก็เกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาข้าว ผมจำเป็นต้องใช้อำนาจทางการปกครอง ซึ่งผมละเว้นไม่ได้ เมื่อผมเสนอเรื่องไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องมีคณะกรรมการที่จะต้องตัดสิน โดยชี้กลับมาที่กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ว่าจะให้ดำเนินการต่อไปเมื่อถึงตรงนั้นก็จะมีการใช้อำนาจของเขา ในการเรียกร้องชดใช้ค่าเสียหาย ไม่ใช่ผม เรื่องทั้งหมดจะย้อนกลับไปที่กระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยผ่านคณะกรรมการที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางร่วมอยู่ด้วย"นายกรัฐมนตรีกล่าว

เมื่อถามย้ำว่า เบื้องต้นได้มีการประเมินตัวเลขค่าเสียหายเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ยังสรุปไม่ได้ เพราะวันนี้ยังมีข้าวในคลังเหลืออยู่ด้วย เพียงแต่จะสรุปในวันที่ยื่นฟ้องว่าวันนี้ค่าเสียหายมีเท่าไหร่นับจากวันที่ส่งฟ้อง วันนี้ไม่สามารถสรุปอะไรได้ เพราะข้าวในคลังทั้งหมดยังมี 18 ล้านตัน ขายไปได้เพียง 4-5 ล้านตันเพราะราคาสูงมันก็ขายไม่ได้ และวันนี้ก็มีขายใหม่เข้ามาอีก ข้าวเก่าต่างชาติก็ไม่อยากซื้อ ตรงนี้คือปัญหา ซึ่งจะถือว่าละเว้นหรือไม่ละเว้นหรือเปล่า ตนก็ตอบไม่ได้ ขณะเดียวกันก็เกิดการทุจริตในระดับปฏิบัติด้วย เป็นการทับซ้อนเข้าไปอีก ตนไม่ใช่นักกฎหมาย จึงต้องให้นักกฎหมายมาทำ แต่ตนก็ต้องระมัดระวังตัวเองด้วยว่าจะทำอย่างไรจึงจะเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ถูกกล่าวอ้างว่าไปรังแกคนอื่น จนกลายเป็นปัญหาในอนาคตอีก