posttoday

สปท.เคาะ“ทินพันธุ์”นั่งประธาน

13 ตุลาคม 2558

มติ สปท. เลือก "ทินพันธุ์" เป็นประธาน "อลงกรณ์-วลัยรัตน์"นั่งรองประธาน

มติ สปท. เลือก "ทินพันธุ์" เป็นประธาน  "อลงกรณ์-วลัยรัตน์"นั่งรองประธาน

วันที่ 13 ต.ค. การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) นัดแรก มีวาระการประชุมเพื่อเลือกประธานและรองประธานสปท. โดยนายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาสปท.ได้ขอหารือกับที่ประชุมเพื่อนำข้อบังคับการประชุมของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มาใช้เป็นการชั่วคราวซึ่งที่ประชุมไม่ขัดข้อง

จากนั้นเข้าสู่วาระวาระเลือกประธานและรองประธานสปท. โดยได้เชิญนายชัย ชิดชอบ สมาชิก สปท. ที่มีอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานชั่วคราวในที่ประชุม โดยนายชัยได้กล่าวขอบคุณที่ได้มีโอกาสมานั่งตรงนี้อีกครั้ง ที่นั่งมาแล้ว 4 ปี ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และแจ้งให้สมาชิกรับทราบประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งสมาชิกสปท. และสมาชิกสปท.ที่ได้รับการแต่งตั้งได้กล่าวคำปฏิญาณตนต่อที่ประชุม

ก่อนเปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอชื่อ โดยพล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก สปท.ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ เป็นประธานสปท. แต่มีสมาชิกได้ลุกขึ้นหารือ อาทิ นายวิทยา แก้วภราดรัย และนายกษิต ภิรมย์ สปท. ได้เสนอให้เลื่อนวาระการเลือกประธานและรองประธานสปท.ออกไปก่อน และเสนอให้มีการจัดสัมมนาเพื่อให้สมาชิกทุกคนได้ทำความรู้จักกันเพื่อเป็นวัฒนธรรมองค์กรก่อนตัดสินใจเลือกบุคลที่จะเป็นประธาน

ทั้งนี้ เพราะหากให้ตัดสินใจเลือกบุคคลที่ยังไม่รู้จัก ก็คงเลือกไม่ได้ ขณะที่สมาชิกอีกส่วนหนึ่งได้เห็นควรให้ดำเนินการตามวาระการเลือกประธานและรองประธานสปท.ต่อไป อาทิ พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร นายเสรี สุวรณภานนท์ ซึ่งในที่สุดที่ประชุมไม่ขัดข้องและได้เห็นชอบให้ดำเนินตามวาระต่อไป

นายชัย กล่าวว่า ส่วนตัวได้รับมอบหมายเป็นประธานชั่วคราวไม่มีอำนาจตัดสินใดๆทั้งสิ้น ไม่มีอำนาจในการเลื่อนการประชุม และเมื่อไม่มีผู้ใดเสนอชื่อสมาชิกคนอื่นขึ้นมาชิงตำแหน่งประธานสปท. ทำให้ร.อ.ทินพันธุ์ได้รับเลือกเป็นประธานสปท. 

ด้าน ร.อ.ทินพันธุ์ ได้กล่าวขอบคุณสมาชิกทุกคนที่ให้ความไว้วางใจ ซึ่งส่วนตัวจะทำหน้าที่รวบรวมวาระการปฏิรูปทั้งหมดต่อจากสปช. เพราะสปท.มีหน้าที่ปฏิรูปต่อไปให้สำเร็จ ตามเป้าหมายที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวได้กำหนดไว้ และการทำหน้าที่ของทุกคนในครั้งนี้ถือเป็นความหวังของคนทั้งประเทศ ที่จะให้ประเทศเกิดการปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น และเชื่อมั่นว่า สมาชิกทุกคนจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่ดี

อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปให้สำเร็จได้ จะต้องขอความร่วมมือจากทุกคนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และต่อจากนี้จะมีการจัดทำข้อบังคับการประชุมของสปท.ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงาน ดังนั้น ต่อไปนี้ใครอยากปรึกษาหารือเรื่องใดก็ตาม ส่วนตัวยินดี

“งานของสปท.เป็นงานที่ให้คำปรึกษาเสนอแนะ การอภิปรายต่างๆจึงควรจำกัดขอบเขตอยู่ที่การปฏิรูป เพราะเรามีเวลาจำกัด หากใช้เวลาไปกับเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ก็จะถูกตำหนิได้ ดังนั้น เราควรให้ความสนใจและมีประโยชน์ หากยังเห็นว่ามีข้อควรปรับปรุง และเรื่องที่เป็นประโยชน์ก็ควรพิจารณาร่วมกัน และให้ความสำคัญกับการจัดลำดับก่อนหลังในการทำงานปฏิรูปต่อไป สมาชิกอาจเป็นห่วงเรื่องอายุผม แม้กระทั่งวันนี้ยังทำงานหนักกว่าตอนเป็นหนุ่ม ทั้งสอนหนังสือ เขียนหนังสือ งานวิจัยอยู่ทุกวัน เสาร์ อาทิตย์ ก็สามารถยืนสอนหนังสือได้ 12 ชั่วโมง และยังว่ายน้ำอยู่ ดังนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง” ร.อ.ทินพันธุ์ กล่าว

จากนั้นเข้าสู่วาระการเลือกรองประธานสปท.โดย พล.ต.ท. เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา สปท.ลุกขึ้นเสนอชื่อนายอลงกรณ์ พลบุตร เป็นรองประธานสปท.คนที่ 1 โดยไม่มีบุคคลอื่นเสนอชื่อแข่งขัน ทำให้นายอลงกรณ์ เป็นรองประธานสปท.คนที่ 1 ซึ่งนายอลงกรณ์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า ขอบคุณสมาชิกที่ไว้วางใจ ซึ่งตนจะทำงานโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในเวลาที่กำหนด ซึ่งประเทศมีภาวการณ์ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤต เศรษฐกิจ การเมืองเราจมปลักอยู่กับปัญหาความขัดแย้ง แตกแยกที่เราไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ดังนั้นห้วงเวลานี้จึงเป็นจุดเปลี่ยน ที่สปท.จะร่วมกับแม่น้ำ 4 สายและประชาชนเพื่อให้การปฏิรูปสำเร็จ ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่ ไม่ใช่แค่สปท. คณะรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เท่านั้น แต่อยู่ที่คนทั้งประเทศ ที่จะทำให้พิมพ์เขียวของสปช.ได้รับการต่อยอดให้สำเร็จ ซึ่งตนยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เป็นสะพานเชื่อมระหว่างสปท.กับแม่น้ำ 4 สาย และสะพานเชื่อมระหว่างอดีตสู่อนาคน ที่ประชาชนหวังว่าสปท.จะทำความหวังให้เป็นจริง

ต่อมานายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ สปท.ได้เสนอชื่อ น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ เป็นรองประธานสปท.คนที่ 2 โดยไร้คู่แข่ง ทั้งนี้น.ส.วลัยรัตน์ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า จะทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ตนถือเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ได้มาเป็นสปท. มีโอกาสทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ก็จะทำให้วาระปฏิรูปทั้งหมดเป็นผลอย่างเร็ว ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับสมาชิกทุกคนที่จะผนึกกำลังกัน

จากนั้น นายชัย ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า เมื่อได้ประธานและรองประธานสปท.แล้ว เลขาธิการสภาฯจะแจ้งรายชื่อไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อแต่งตั้งต่อไป และสั่งปิดประชุมในเวลา 11.10 น.