DSIเผยแจ้งข้อกล่าวหาคดีฟอกเงินกรุงไทยภายใน1เดือน

ดีเอสไอเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงินกรุงไทย 7 ก.ย.นี้ ลั่นไม่เกิน 1 เดือนสรุปสำนวนแจ้งข้อกล่าวหา

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับอดีตกลุ่มผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรณีการปล่อยกู้กว่า 10,000 ล้านบาท ในคดีความผิดฐานรับของโจร คดีอาญา มาตรา 357 ข้อหารับของโจร ว่า นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์  ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ได้เข้ามารายงานข้อมูลให้ตนทราบ เบื้องต้นทราบว่า ดีเอสไอได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ตามมติคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2550 ในการประชุมเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 ซึ่งในมตินี้ได้ให้ทางดีเอสไอดำเนินคดีเฉพาะในฐานความผิดคดีฟอกเงินกับอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทยที่กระทำความผิดเท่านั้น ซึ่งอายุความของคดีฟอกเงินจะหมดอายุความในปี 2561 ส่วนประเด็นความผิดมาตรา 357 ดีเอสไอไม่ได้ดำเนินคดี ซึ่งต้องกลับไปถามทางคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ว่าส่งความผิดนี้มาด้วยหรือไม่ แต่ก็เข้าใจว่าความผิดฐานรับของโจรนั้น เป็นสิ่งที่ผิด แต่ทางดีเอสไอไม่สามารถดำเนินคดีได้ เนื่องจากมติของกคพ.ในช่วงเวลานั้นไม่ได้ระบุให้ทำคดีนี้

ด้าน นางสุวณา กล่าวว่า ในส่วนของคดีรับของโจรนั้น ไม่มีอยู่ในมติของ กคพ. อย่างไรก็ตาม คดีฟอกเงินกับคดีรับของโจรมีองค์ประกอบที่คล้ายกัน แต่กคพ.ได้สั่งให้ดีเอสไอทำเฉพาะคดีฟอกเงินเท่านั้น จึงทำให้ดีเอสไอไม่มีข้อมูลในคดีรับของโจร

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนดีเอสไอชุดเดิมได้ทำคดีดังกล่าวพร้อมกับศาลฎีกา ซึ่งก็เกือบเสร็จแล้ว แต่ต้องรอคำพิพากษาของศาลฎีกา เพราะความผิดฐานฟอกเงินจะต้องอาศัยความผิดมูลฐานคือในเรื่องของทุจริต ซึ่งเมื่อมีคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้วก็จะสามารถทำต่อได้เลย

"เราจะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนในวันที่ 7 ก.ย.นี้ ซึ่งตนคาดว่า จะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ในการสรุปสำนวนคดีเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ทางดีเอสไอยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นใครบ้าง ซึ่งต้องรอผลการประชุมในวันที่ 7 ก.ย.นี้"อธิบดีดีเอสไอกล่าว