แลนด์มาร์คเจ้าพระยาเฟสแรก เมื่อคสช.กดปุ่ม เสียงค้านก็ไร้ผล
โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตามแนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการปั้นให้เป็น “จุดขาย” หรือแลนด์มาร์ค
โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์
โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตามแนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการปั้นให้เป็น “จุดขาย” หรือแลนด์มาร์คด้านท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทย โดยส่งต่อให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ดำเนินการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบและวางแผนงาน โดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และมหาวิทยาลัยขอนแก่น
เฟสแรก 14 กิโลเมตร (กม.) มีจุดเริ่มต้นที่สะพานพระรามที่ 7 ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าทั้งสองฝั่ง ฝั่งละ 7 กม. ความกว้างคอนกรีต 19.5 เมตร ยกสูงกว่าระดับน้ำ 2.8 เมตร อยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับผิวถนนอยู่ต่ำกว่าระดับสันเขื่อนป้องกันน้ำ 1.30 เมตร ประกอบด้วย ทางเดินเท้าความกว้าง 7-10 เมตร อยู่ติดแม่น้ำ ถัดมาเป็นสวนหย่อมกว้าง 3 เมตร ทางรถจักรยานกว้าง 7 เมตร
ส่วนเฟสต่อไปจะเต็มโครงการมีจุดเริ่มต้นสะพานพระรามที่ 3 ถึงสะพานพระนั่งเกล้า รวมระยะทางทั้งสองฝั่ง 50 กม.
สำหรับเฟสแรกตามขั้นตอนยังต้องมีการสำรวจและสอบถามความเห็นชุมชนที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมอีกเป็นรอบที่ 3 ซึ่งถือเป็นครั้งสุดท้ายในเดือน ส.ค.นี้ ก่อนที่ สจล.จะเสนอแผนงานทั้งหมดให้ กทม. ในเดือน ก.ย. เพื่อเริ่มก่อสร้างในปี 2560 ใช้งบสูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า ระยะทาง 14 กม.ครั้งนี้ จะผ่านวัด 8 แห่ง ท่าเรือ 36 แห่ง โรงแรมและร้านอาหาร 6 แห่ง สถานที่สำคัญขนาดใหญ่ 19 แห่ง โดยมีประชาชนรุกล้ำริมฝั่งเจ้าพระยาทั้งสองฝั่งรวม 268 หลังคาเรือน
กระนั้นยังมีเสียงคัดค้านจากบางชุมชนริมเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะประชาคมรักสามพระยาที่มีแนวโน้มจะยื่นเรื่องศาลปกครองขอให้ระงับโครงการก่อน เพราะเห็นว่าจากแผนที่เสนออาจส่งผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมและชาวบ้านริมแม่น้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้
ยศพล บุญสม ตัวแทนสมัชชาแม่น้ำ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นในการดำเนินโครงการพัฒนาทางเลียบแม่น้ำนี้ ไม่ได้ตั้งโจทย์มาก่อนว่า ต้องการให้มีผลต่ออะไรบ้าง ทั้งเรื่องระบบเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือการระบายน้ำแต่เป็นโครงการที่รัฐบาลต้องการทำ จึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำโดยไม่มีการศึกษาวิเคราะห์ หรือเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องในภาพรวม และที่ระบุว่าโครงการนี้ผ่านความเห็นชอบจากชุมชนนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะชุมชนไม่มีสิทธิเลือกตั้งแต่แรก
“ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ควรรีบดำเนินโครงการแบบข้ามขั้นตอนภายในเวลาไม่กี่เดือน ซึ่งจะเปิดประมูลโครงการภายในเดือน ต.ค.นี้” ตัวแทนสมัชชาแม่น้ำ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด สจล.ได้นำเสนอภาพภูมิทัศน์ตัวอย่างที่ได้ออกแบบตามแผนย่อย 12 แผนในโครงการระยะนำร่อง 14 กม. จากสะพานพระราม 7 ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้ามายังสื่อมวลชน
สำหรับ 12 แผนย่อย ประกอบด้วย 1. โครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชน ฟื้นฟูและอนุรักษ์วัฒนธรรมให้เป็นแหล่งความรู้ท่องเที่ยง 2.พัฒนาจุดหมายตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเป็นสถาปัตยกรรมกรุงรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน ได้แก่ พิพิธภัณฑ์กรุงเทพมหานคร สวนเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 7 พิพิธภัณฑ์มรดกเจ้าพระยา
3.พัฒนาท่าเรือ 4.พัฒนาเส้นทางการเข้าถึงพื้นที่ ปรับปรุงตรอก ซอก ซอย ทางเดิน เพื่อเชื่อมต่อและเข้าถึงพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 5.จัดทำทางเดินริมแม่น้ำ ตั้งแต่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าจนถึงคลองผดุงกรุงเกษม และหลายส่วนของริมฝั่งธนบุรี
6.ปรับปรุงภูมิทัศน์เขื่อนให้มีทัศนียภาพที่สวยงาม 7.พัฒนาศาลาท่าน้ำ 8.จัดทำพื้นที่บริการสาธารณะ 9.พัฒนาพื้นที่ศาสนสถาน 10.ปรับปรุงพื้นที่แนวคูคลองประวัติศาสตร์ 11.พัฒนาพื้นที่นันทนาการและสวนสาธารณะริมน้ำ 12.สะพานคนเดินข้าม สะพานคนเดินข้ามแม่น้ำ โดยสร้างใหม่ 2 จุด คือ จากชุมชนสะพานพิบูลฝั่งซ้าย ข้ามไปยังท่าเรือวัดฉัตรแก้วจงกลณี ฝั่งธนบุรี จากห้างแม็คโคร สามเสน ข้ามไปยังท่าทราย จรัญสนิทวงศ์ 84