posttoday

ปลดล็อกนักการเมืองไปนอก ลดแรงกดดัน คสช.

01 มิถุนายน 2559

“ยังไม่ผ่อน ยังไม่ถึงเวลา นักการเมืองเคยเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างหรือยัง พรรคไหนที่ยังไม่เปลี่ยน”

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

“ยังไม่ผ่อน ยังไม่ถึงเวลา นักการเมืองเคยเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างหรือยัง พรรคไหนที่ยังไม่เปลี่ยน”

จับสัญญาณจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)​ คงเป็นไปได้ยากที่จะมีการปลดล็อกคำสั่ง คสช. เปิดให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมเคลื่อนไหวได้อิสระในช่วงใกล้ออกเสียงประชามติ

“ยังไม่รู้ ดูสถานการณ์ก่อน ถ้ามันวุ่นวายขึ้นมาแล้วเลือกตั้งไม่ได้ ก็โทษผมอีก คิดสองมุมนี้บ้าง ผมทำทุกอย่างให้เกิดความสงบเรียบร้อย เพื่อเดินไปตามโรดแมปของผมเท่านั้นเอง แต่ถ้าเขามุ่งหมายจะล้มทุกอย่างที่ผมทำอยู่แล้วทั้งหมด ท่านจะอยู่ตรงไหนกัน”

ไม่ต่างจากท่าทีก่อนหน้านี้ของ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ชี้แจงในเวทีที่เชิญตัวแทนพรรคการเมืองมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่สโมสรกองทัพบก ซึ่งสะท้อนความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าต้องการให้ คสช.ปลดล็อก แต่ วิษณุ ชี้แจงว่า ต้องรอประเมินสถานการณ์ที่จะมีตัวแปรหลายอย่าง

ที่สำคัญมีการประเมินว่าสถานการณ์ขณะนี้เห็นว่าล่อแหลมกว่าที่ผ่านมา นำไปสู่ความแตกแยกได้อีก และไม่ต้องการแก้ปัญหาหนึ่งและนำไปสู่อีกปัญหาหนึ่ง

ทั้งหมดสะท้อนตรงกันว่าในมุมของ คสช.​คงยากที่จะยอมเสี่ยงเปิดให้พรรคการเมืองเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เพราะแม้ปัจจุบันจะมีกฎระเบียบคุมเข้มแต่ผลที่ออกมาก็ยังสั่นคลอนเสถียรภาพ คสช.ขนาดนี้ ​หากเปิดให้ทำกิจกรรมได้เต็มที่คงยากที่ คสช. จะรับมือ

ทว่า สิ่งที่ คสช.ทำได้มากที่สุดเวลานี้ก็คือการผ่อนคลายคำสั่งให้นักการเมืองสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ ซึ่งแน่นอนว่าแทบไม่มีผลในทางปฏิบัติเท่าไหร่นัก ​

เมื่อนักการเมืองที่มีปัญหาไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่ล้วนมีคดีติดตัวอยู่แล้ว ไล่มาตั้งแต่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จาตุรนต์ ฉายแสง วัฒนา เมืองสุข ที่ถึงจะสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ แต่ก็ต้องขออนุญาตศาลอยู่ดี

อีกทั้งการเดินทางไปต่างประเทศย่อมไม่ใช่เป้าประสงค์ของนักการเมือง เพราะสิ่งที่อยากได้ที่สุดคือเปิดให้สามารถจัดกิจกรรมได้ ที่จะเป็นประโยชน์ในหลายด้าน ทั้งมีบทบาทท่าทีต่อร่างรัฐธรรมนูญที่ใกล้ทำประชามติ

รวมทั้งยังเปิดช่องให้สามารถเตรียมความพร้อมจัดวางคน แนวนโยบาย และยุทธศาสตร์ เพื่อเตรียมลงสนามเลือกตั้งได้อย่างทันท่วงที

ท่ามกลางแรงกดดันจากพรรคการเมืองขอให้ คสช.ปลดล็อกดังกล่าว แถมล่าสุดเริ่มมีแรงกดดันจากต่างประเทศเข้ามาผสมอีกแรง ยิ่งทำให้ คสช.ตกที่นั่งลำบาก

การปลดล็อกให้นักการเมืองเดินทางไปต่างประเทศได้ จึงเป็นเสมือนทางออกเดียวที่จะผ่อนคลายแรงกดดันที่มีต่อ คสช. และไม่กระทบไปถึงเส้นทางตามโรดแมป คสช.นับจากนี้

ควบคู่ไปกับการสร้างบรรยากาศปูทางสู่การทำประชามติและการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคต ​

ล่าสุด บิ๊กหมู-พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช.​ ออกมาระบุว่า นับจากนี้การเรียกนักการเมืองหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามาปรับทัศนคติจะไม่ได้ทำในพื้นที่ค่ายทหาร แต่จะเปลี่ยนเป็นการพูดคุยในเวทีอื่นที่จะจัดขึ้นในสถานที่ราชการ อาทิ ศาลากลางจังหวัด สถานีตำรวจ

นอกจากจะทำให้ภาพลักษณ์ คสช.ดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว​ ยังเป็นการยืนยันต่อนานาชาติสถานการณ์กำลังดีขึ้น และพร้อมจะเข้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแมปในอนาคต

ดังจะเห็นว่าเหตุผลของการปลดล็อกให้นักการเมืองเดินทางไปต่างประเทศได้นั้น ​ระบุว่าเป็นเพราะสถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลาย แม้อีกด้านหนึ่งนี่จะกลายเป็นเหตุผลย้อนกลับให้พรรคการเมืองรุกคืบขอให้ คสช. เปิดช่องให้เคลื่อนไหวทำกิจกรรมได้​

“ไม่มีใครสามารถกดดันผมได้อยู่แล้ว เพราะทำเพื่อคนไทย ประเทศไทย ฉะนั้นใครไม่เห็นชอบด้วย เขาก็ไปแสดงความคิดเห็นในช่องทางที่สร้างสรรค์ เรื่องนี้ไม่ใช่เกิดมาเมื่อไม่กี่วัน เพื่อนำไปสู่การทำประชามติ ไม่เกี่ยวกัน แต่เรื่องนี้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 และเมื่อเห็นว่านานมาแล้วจึงผ่อนคลายให้เท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวกับประชามติ ไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งสิ้น ทุกคนอยากให้ผ่อนคลาย ผมก็ทำให้คุณจะต้องให้ใครมากำหนดกฎเกณฑ์ประเทศคุณหรือ เราก็ทำตามพันธสัญญาโลกอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

ต้องยอมรับว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญทางการเมืองขณะนี้ คสช.​ต้องสร้างความสมดุล ทั้ง “บรรยากาศ” และ “ความมั่นคง” ไม่ให้กลายเป็นปัญหากระทบต่อโรดแมป

โดยเฉพาะด่านหินอย่างการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นเดิมพันสำคัญของ คสช.​