posttoday

‘บิ๊กตู่’ ปิดห้องเคลียร์ปม สสส. เอ็นจีโอจ่อเคลื่อนใหญ่ 11 ม.ค.

08 มกราคม 2559

ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ที่คตร.เข้ามาตรวจสอบการใช้งบฯสสส.ทำให้ภาคีเครือข่ายซึ่งรับเงินสนับสนุนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณของกองทุนสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ทำให้ภาคีเครือข่ายซึ่งรับเงินสนับสนุนจาก สสส.ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

ข้อครหาเรื่องความพยายาม “ตัดท่อน้ำเลี้ยง” ภาคประชาสังคมและกลุ่มเอ็นจีโอมีความเป็นไปได้ตามลำดับ

คำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ ฉายภาพว่า ที่ผ่านมา คตร.มีคำสั่งให้ระงับการอนุมัติโครงการที่วงเงินเกิน 5 ล้านบาท พร้อมทั้งขอกลั่นกรองการเบิกจ่ายงบประมาณเองเป็นเหตุให้มีไม่ต่ำกว่า 4,000 โครงการได้รับผลกระทบ เจ้าหน้าที่กว่า 1 หมื่นชีวิต ได้รับความเดือดร้อน

“โดยเฉพาะโครงการย่อยๆ ของชาวบ้าน ที่ต้องเบิกงบประมาณจากโครงการขนาดใหญ่เกิน 5 ล้านบาทอีกครั้งหนึ่งนั้น ขณะนี้เบิกจ่ายไม่ได้ ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้” คำรณ ระบุ

ข้อมูลจากคณะกรรมการ (บอร์ด) สสส. ระบุว่า ในไตรมาสแรก สสส.เพิ่งจ่ายงบประมาณออกไปได้เพียง 7% เท่านั้น ส่วนอื่นๆ ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้

“บางโครงการที่แม้ว่าจะได้รับการอนุมัติแล้ว กลับไม่สามารถเบิกเงินงวดที่ 2 มาดำเนินการต่อได้ ทุกอย่างจึงหยุดชะงัก” คำรณ อธิบาย

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ประธานสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ยอมรับว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือแนวทางการปลดล็อกโครงการที่มีงบเกิน 5 ล้านบาท ซึ่งถูก คตร.ตรวจสอบให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้

การประชุมดังกล่าว มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ ในฐานะประธานบอร์ด สสส. พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธาน คตร. และสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เข้าร่วมด้วย โดย พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า พร้อมสนับนสนุนให้โครงการของ สสส.เดินหน้าได้ แต่ต้องรอให้ คตร.ปลดล็อกโครงการเกิน 5 ล้านบาท ให้เสร็จก่อน

สำหรับการสรรหาบอร์ด สสส.แทนตำแหน่งที่ว่างลง 7 ราย พล.อ.ประยุทธ์ ให้แนวทางว่า ขณะนี้สัดส่วนบอร์ดที่เหลือยังสามารถขับเคลื่อน สสส.ได้ ดังนั้นจะสรรหาบอร์ดใหม่ครึ่งหนึ่ง หรือทั้งหมด หรือไม่สรรหาเลยก็ได้

สมพร ใช้บางยาง อดีตบอร์ด สสส.ที่ถูกปลด กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ถึง พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและขอความเป็นธรรมแล้ว ยืนยันว่าตลอดระยะเวลารับราชการจนมาทำงานกับ สสส.ไม่เคยทุจริต และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีข้อห้ามว่าเมื่อเป็นกรรมการมูลนิธิแล้วห้ามเข้ามาเป็นบอร์ด สสส.

ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี อดีตบอร์ด สสส.ซึ่งถูกปลดจากคำสั่งเดียวกัน กล่าวว่า เมื่อ คสช.จะแก้ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ก็ต้องทำทุกกระทรวง โดยเฉพาะกรณีข้าราชการไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจหรือบริษัท เช่น ผู้บริหารกระทรวงพลังงานไปเป็นบอร์ดธุรกิจพลังงาน ถามว่าทำไม คสช.จึงไม่รีบแก้ไขให้รวดเร็วเหมือนกับ สสส.

“หรือ คสช.มีเหตุผลอื่นที่ต้องรีบจัดการ สสส.ด่วนกว่า” ภก.สงกรานต์ ตั้งคำถาม

วันเดียวกัน เครือข่ายภาคประชาสังคมในนามขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน (Thai Health Promotion Movement) ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “ปกป้องการปฏิรูประบบสุขภาพ ส่งเสริมการกำกับตรวจสอบ สสส.โดยสังคม คัดค้านกลุ่มทุนและผู้มีอำนาจยึดครองกลไกการปฏิรูประบบสุขภาพ”

สำหรับสาระสำคัญคือ คำสั่งปลดบอร์ด สสส.เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบธรรม และเป็นการใช้อำนาจมาตรา 44 อย่างมีเงื่อนงำ ซึ่งจะนำไปสู่การแต่งตั้งบอร์ด สสส.คนใหม่ และผู้จัดการที่มาจากกลุ่มบุคคลใกล้ชิดศูนย์กลางอำนาจรัฐ และตัวแทนจากกลุ่มทุน เพื่อไม่ให้ สสส.ดำเนินการกับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ ยาและอาหาร

นอกจากนี้ ทางเครือข่ายเตรียมประชุมใหญ่เพื่อกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวใหญ่ ในวันที่ 11 ม.ค.นี้

เบื้องต้นมีผู้ที่ตอบรับเข้าร่วมประชุมแล้ว 20 เครือข่าย ได้แก่ ชมรมแพทย์ชนบท เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายเด็ก เยาวชนและครอบครัว เครือข่ายงดเหล้าและบุหรี่ เครือข่ายเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch)

เครือข่ายองค์กรแรงงานไทย (อรท.) เครือข่ายแรงงานนอกระบบ เครือข่ายชาติพันธุ์และผู้มีปัญหาสถานะ เครือข่ายสุขภาวะผู้หญิง เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ เครือข่ายสลัมสี่ภาค เครือข่ายหมออนามัย เครือข่ายผู้ป่วย

เครือข่ายนักวิชาการปฏิรูประบบสุขภาพ เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่น เครือข่ายสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย เครือข่ายสมาคมวิศการ เครือข่ายกลุ่มคนรักหลักประกัน เครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน