ส่องผลงาน "อัศวิน ขวัญเมือง" ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่

โดย...นิติพันธุ์ สุขอรุณ

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ต้องพ้นออกจากตำแหน่ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทันทีที่ ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 64/2559 เรื่อง การให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพ้นจากตําแหน่ง และการแต่งตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

โดยแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จนกว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคําสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นประการอื่น

ก่อนหน้าที่วันที่ 25 ส.ค. คำสั่งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาศัยอำนาจมาตรา 44 ระงับการปฏิบัติราชการเป็นการชั่วคราว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ โดยยังไม่พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ทำให้เก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ต้องสั่นสะเทือน

สืบเนื่องจากหลายโครงการในกทม.ส่อเค้าเกิดปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเกี่ยวโยงกับตัวของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  อาทิ โครงการประดับไฟลานคนเมืองต้อนรับปีใหม่ 2559 งบประมาณจำนวน 39.5 ล้านบาท  โครงการปรับปรุงห้องผู้ว่าฯกทม.และคณะผู้บริหาร มูลค่ากว่า 16.5 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อเครื่องดนตรีให้โรงเรียนในสังกัด กทม. รวมไปถึงโครงการจัดซื้อรถกู้ภัยขนาดเล็กที่อาจใช้งานได้ไม่สมราคา

ทั้งหมดกำลังถูกตรวจสอบจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)โดยเบื้องต้นพบขั้นตอนดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างมีพิรุธ จึงเป็นที่มาของคำสั่งพักราชการชั่วคราว เปิดทางให้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเข้ามาตรวจสอบ เพื่อให้ปราศจากอำนาจแทรกแซง

และด้วยยังไม่สามารถจัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ได้ตามนัยแห่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ยังใช้บังคับอยู่ แต่โดยที่มีความจําเป็นต้องเร่งจัดการบริหารราชการกรุงเทพมหานครให้เป็นที่เรียบร้อย เกิดความต่อเนื่อง สามารถประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และภาคประชาชนอย่างมีเอกภาพ ชื่อของ พล.ต.อ.อัศวิน จึงถูกเสนอขึ้นมา

ตลอดระยะเวลาของการดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.ของ พล.ต.อ.อัศวิน ได้รับความไว้วางใจเป็นพิเศษจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นอย่างมากเนื่องจากมีสายสัมพันธ์อันดีกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่สำคัญมีประสบการณ์การทำงานด้านอาชญากรรม และยาเสพติด จึงรับผิดชอบสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักเทศกิจ แต่ด้วยบทบาทนักเจรจาต่อรองอันมีชั้นเชิงไม้อ่อนไม้แข็ง จึงมีบทบาทสำคัญเรื่องการจัดระเบียบทางเท้าทวงคืนพื้นที่สาธารณะให้กับประชาชน เดินหน้าปรับโฉมกรุงเทพฯให้มีความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย

ผลงานชิ้นสำคัญคือการทวงคืนพื้นที่ป้อมมหากาฬ เพื่อปรับปรุงเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ทางโบราณสถาน จากชุมชนป้อมมหากาฬที่รุกล้ำยึดครองอย่างไม่ถูกกฏหมาย แม้ทุกวันนี้ยังทวงคืนไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% แต่ยังคงมีความพยายามหาทางแก้ปัญหาความขัดแย้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

เรื่องต่อมาคือการผลักดันนำรถดับเพลิงชนิด 4x4 พร้อมเครื่องสูบน้ำชนิดแบกหาม จำนวนทั้งสิ้น 72 คัน มาซ่อมบำรุงใหม่เพื่อนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ ทันทีที่คสช.ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ให้ยกเว้นภาษีอาการ รถและเรือดับเพลิง ทำให้กทม.ประหยัดเงินในการจ่ายภาษีไป 1,900 ล้านบาท ขณะนี้กองโรงงานช่างกลซ่อมแซมรถเสร็จแล้วจำนวน 35 คันเพื่อนำออกมาใช้งานให้ได้ก่อน ส่วนอีก 37 คัน จะสามารถทยอยส่งมอบให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนำออกมาปฏิบัตงานได้ภายใน 31 ต.ค.นี้

จากอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สู่ รองผู้ว่าฯกทม.ที่ต้องดูแลงานสำนักเทศกิจ จึงทำให้มีความเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี และมอบหมายภารกิจให้กับเจ้าหน้าที่เทศกิจอย่างถึงลูกถึงคน โดยเฉพาะนโยบายจัดระเบียบบ้านเมือง ซึ่งพบปัญหาว่าแผนการจัดระเบียบทางเท้าไม่ราบรื่น อันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเทศกิจยักคิ้วหลิ่วตา
พล.ต.อ.อัศวิน เคยกล่าวกำชับให้เจ้าหน้าที่เทศกิจยึดหลักปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ผ่านการประชุมใหญ่เจ้าหน้าที่เทศกิจ เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2558 ว่า

"จัดระเบียบหาบเร่แผงลอยทั่วกทม.พบความไม่ต่อเนื่องจากความละหลวมของเจ้าหน้าที่เทศกิจ ไม่ปฏิบัติตามนโยบาย ทั้งยังเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินสินบนจากผู้ค้าแผงลอย อีกทั้งแอบเปิดจุดผ่อนผันโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งขัดคำสั่งผู้ว่าฯกทม.โดยตรง ซึ่งตอนนี้จากจะมีมาตรการขั้นเด็ดขาดคุมเข้มหัวหน้าฝ่ายเทศกิจทุกเขต ต้องรับผิดชอบหากเกิดปัญหาทุจริตคอรัปชั่นขึ้นในพื้นที่ ส่วนปัญหาความขัดแย้งที่มีในหน่วยงานเทศกิจ เกิดจากผลประโยชน์ไม่ลงตัว ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังกระทำผิด ลด ละ เลิกพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนกลับคืนมา"พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว

ท่ามกลางบรรยากาศที่ประเทศไทยอยู่ในภาวะโศกเศร้า และอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านรัชสมัย จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ พล.ต.อ.อัศวิน ต้องรับบทบาทการสั่งงานอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าอาจดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.คนที่ 16 ไปจนถึงต้นปี 2561 หรือนานกว่านั้น หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ โดยจะกลายเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่มาจากการแต่งตั้งคนที่ 9 นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน