posttoday

ทั่วไทยเตรียมพร้อม เข้ากรุงสักการะพระบรมศพ29ต.ค.นี้

25 ตุลาคม 2559

ประชาชนในหลายพื้นที่เตรียมพร้อมเดินทางเข้ากทม.เพื่อร่วมถวายสักการะพระบรมศพวันที่ 29 ต.ค.นี้

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

กำหนดการเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ประชาชนในหลายพื้นที่ต่างเตรียมพร้อมที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อร่วมถวายสักการะพระบรมศพ

ณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการอำนวยการและคณะทำงานอำนวยความสะดวก เพื่อเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเดินทางเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ว่า จ.กาฬสินธุ์ ได้รับมอบหมายจากกระทรวงมหาดไทย ในการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มีความประสงค์ที่จะเดินทางเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ เพื่อแสดงความไว้อาลัยจำนวน 6 ครั้ง โดยครั้งแรกกำหนดเดินทางเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ แสดงความไว้อาลัย ในวันที่ 29 ต.ค. ในช่วงเวลา 11.00 น.

“การประชุมเตรียมความพร้อมได้กำชับให้นายอำเภอทั้ง 18 อำเภอเชิญชวนประชาชนทุกสาขาอาชีพที่มีความประสงค์เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ แสดงความไว้อาลัย โดยเน้นกลุ่มประชาชนทั่วไปเป็นหลัก และมีข้าราชการ ผู้บริหาร พนักงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านตามความเหมาะสม ซึ่งจะต้องกระจายครอบคลุมทุกอำเภอและตำบล รวมทั้งเป็นการกำหนดเส้นทางการเดินทาง กำหนดจุดพักระหว่างทาง การวางแผนจัดที่พักคอยก่อนเข้าพื้นที่เป้าหมาย และกำหนดจุดรับ-ส่งประชาชน พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ประสานงานกับส่วนกลาง และเจ้าหน้าที่ประสานงานประจำรถแต่ละคัน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่พยาบาล รวมทั้งจัดบริการอาหารน้ำดื่ม ห้องสุขาระหว่างการเดินทางด้วย”

ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จ.กาฬสินธุ์ จะเดินทางเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ รวมทั้งหมด 6 ครั้ง ครั้งละ 600 คน รวม 3,600 คน โดยชุดแรกจะมีประชาชนจาก 18 อำเภอร่วมออกเดินทางโดยรถบัสแอร์ที่ทางจังหวัดจัดอำนวยความสะดวกจำนวน 15 คันครั้งที่ 2 ออกเดินทางในวันที่ 13 พ.ย. ครั้งที่ 3 วันที่ 28 พ.ย. ครั้งที่ 4 วันที่ 13 ธ.ค. ครั้งที่ 5 วันที่ 28 ธ.ค. และครั้งที่ 6 วันที่ 12 ม.ค. 2560

ขณะที่ภาคใต้ ที่สถานีชุมทางทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ศูนย์กลางการรถไฟสายใต้ ซึ่งรถไฟสายใต้ทุกขบวนต้องผ่านชุมทางทุ่งสง เนื่องจากเป็นชุมทางหลักขึ้นลงกรุงเทพฯ มีประชาชนมาใช้บริการและมีการจองตั๋วรถไฟเดินทางไปกรุงเทพฯ เต็มทุกขบวน โดยแต่งชุดดำไว้ทุกข์และร่วมลงนามแสดงความไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ที่ทางสถานีจัดไว้ที่ด้านหน้า

ขณะที่ผู้โดยสารหลายรายต่างเห็นว่า หลังจากนี้การรถไฟจำเป็นต้องเพิ่มขบวนรถเที่ยวพิเศษเป็นระยะเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนจากภาคใต้เดินทางมุ่งหน้าไปยัง กทม.อย่างมหาศาล และเป็นประวัติศาสตร์ของชาติไทยครั้งสำคัญ ซึ่งประชาชนที่อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะได้เข้าเฝ้าฯ ถวายบังคมพระบรมศพเป็นครั้งสุดท้าย

ด้าน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ก็เตรียมจัดกิจกรรมแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปริมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนัดหมายรวมตัวภายในโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในวันที่ 27 ต.ค.นี้เวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นการนัดหมายของภาคประชาชนชาว อ.ปากพนัง ที่ร่วมใจกันจัดกิจกรรมครั้งนี้ขึ้น โดยไม่มีภาคราชการหรือหน่วยงานเข้าไปมีส่วนร่วมแต่อย่างใด

กิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นที่ลานประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ ที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานนามประตูระบายน้ำแห่งนี้ นอกจากนั้นโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริยังเป็นสถานที่ตั้งของพระตำหนักประทับแรม ที่ชาวปากพนังและชาวนครศรีธรรมราชร่วมกันสร้างขึ้นและถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในชื่อ “โครงการสร้างบ้านให้พ่อ”

ด้านการลงนามแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ศาลาสหทัยสมาคม ภายในพระบรมมหาราชวัง สำนักพระราชวัง แจ้งสรุปจำนวนประชาชนที่มาร่วมลงนามในวันที่ 24 ต.ค. 2559 จำนวน 46,051 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลจำนวน 1,182,595 บาท รวมยอดเงินที่ประชาชนถวายตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. รวมจำนวนทั้งสิ้น 6,662,549.25 บาท

ขณะที่กระทรวงมหาดไทยสรุปยอดการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความไว้อาลัยและการจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลทั่วประเทศ มีประชาชนลงนามแสดงความไว้อาลัยตั้งแต่วันที่ 14-23 ต.ค.จำนวนทั้งสิ้น 2,944,934 ราย

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลความเรียบร้อยและการจราจรโดยรอบพระบรมมหาราชวัง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรองรับประชาชนที่จะเดินทางมาสักการะพระบรมศพ ในวันที่ 29 ต.ค.นี้ ว่าจะสามารถเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพได้ประมาณ 1 หมื่นคน/วัน ซึ่งกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยจะพยายามจัดคิวให้เป็นระเบียบมากที่สุด และจะมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาวิธีให้ประชาชนได้เข้าไปถวายสักการะพระบรมศพให้ได้มากที่สุด

รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงภาพรวมช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมแสดงความไว้อาลัยเป็นจำนวนมากว่ายังคงมีปัญหาเรื่องการจราจรคับคั่ง และประชาชนเดินทางมาเป็นจำนวนมากเกินข้อจำกัดที่เจ้าหน้าที่จะรับไหว แต่ทุกอย่างก็ได้รับการคลี่คลายอย่างรวดเร็วจากความร่วมมือของประชาชน

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวขอชื่นชมทีมแพทย์และจิตอาสาที่คอยช่วยเหลือประชาชนที่เป็นลมจำนวนมากได้ทันเวลา พร้อมกันนี้ฝากไปถึงผู้ปกครองที่นำบุตรหลานมาด้วย ให้เขียนชื่อและนามสกุลติดไว้กับตัวเด็กเพื่อป้องกันการพลัดหลง ส่วนผู้สูงอายุควรเขียนชื่อโรคประจำตัวและนำยารักษาโรคติดตัวมาด้วยเพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง

“สำหรับผู้ที่จะสิ่งของมาบริจาคนั้น สิ่งที่ต้องการในขณะนี้คือ อาหารแห้งที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน และของใช้ประเภทถุงขยะ เพื่อให้กลุ่มจิตอาสานำไปใช้เก็บขยะได้ต่อไป” รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว

ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวว่า การบริหารจัดการอาหารและเครื่องดื่มที่ผู้มีจิตอาสานำมาสนับสนุน ในเบื้องต้นเพื่อความเหมาะสม กทม.อาจมีการขอปรับไปใช้สถานที่ใดที่หนึ่งในบริเวณใกล้เคียงสนามหลวง เบื้องต้นอาจเป็นที่สนามม้านางเลิ้ง เพื่อใช้เป็นจุดนัดพบเริ่มต้นก่อนกระจายต่อเข้าในพื้นที่โดยมีแนวทางคือรถเล็กเมื่อลงทะเบียนแล้ว จะให้นำอาหารหรือสิ่งของเข้าไปขนถ่ายได้ที่บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ มีกลุ่มอาสาสมัครจะร่วมบริหารจัดการขนถ่ายต่อให้ไปยังจุดแจกที่กำหนด ส่วนรถใหญ่เมื่อลงทะเบียนเสร็จ คอยเวลากลางคืนตรงเข้าไปขนถ่ายได้ในพื้นที่ ช่วงหลังเที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า หรือกรณีถ้ามีการปรับเพิ่มเติมอย่างไรเพื่อให้เหมาะสมที่สุด ทาง กทม.จะมีการประชาสัมพันธ์ในรายละเอียดให้ทราบต่อไป